บทส่งท้าย : การประยุกต์ใช้หลักการลงทุนพื้นฐาน และเชิงเทคนิค

28 ต.ค. 2566 | 13:33 น.

บทส่งท้าย : การประยุกต์ใช้หลักการลงทุนพื้นฐาน และเชิงเทคนิค เพื่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมีเหตุผล :คอลัมน์ Investing Tactic โดย กวิน สู่พานิช เพจ Kavin’s Hybrid Trading และ วิทยากรพิเศษโครงการ SITUP

สรุป : ส่วนประกอบที่ลงตัวของการลงทุนใน 2 ศาสตร์

ในโลกการลงทุนอยู่คู่กับเรามาเป็นเวลานับร้อยปีตามโลกทุนนิยม ในปัจจุบันที่โลกการเงินและ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนในอัตราที่รวดเร็วมาก

การใช้หลักการใดหลักการหนึ่งเพื่อลงทุนในทุกอย่าง (One Size Fits For All) ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่จะมีประสิทธิภาพ

การประยุกต์ใช้ทั้งสองศาสตร์ของการลงทุนโดยดึงจุดเด่นของแต่ละวิธีการจะทำให้การลงทุนนั้นมีมิติที่ลึกขึ้น รวมถึงสามารถปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์การลงทุนที่แตกต่างกันในแต่ละสภาวะตลาดได้

 

การลงทุนผสมผสานจะทำให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจทั้ง เพื่อการลงทุนระยะยาว และการลงทุนระยะสั้น หรือเพิ่มโอกาสในการลงทุนหลากหลายรูปแบบ เช่น การซื้อหุ้นปันผลดี ในจังหวะตลาด sell off ในจุดที่เหมาะสม หรือคัดเลือกหุ้นเพื่อนำไปทำธุรกรรมให้ยืมหลักทรัพย์เพราะรู้ว่าหุ้นเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ และเราไม่ต้องการขาย รวมถึงการขายเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อรอรับในราคาที่เหมาะสมเมื่อหุ้นร้อนแรงมากเกินไปในหุ้นที่ยังมีอนาคตที่สดใส 

การผสมผสานหลักการทั้ง 2 ศาสตร์เข้าด้วยกันจะทำให้นักลงทุนสามารถมีข้อมูล และความมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจในการลงทุนในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวนเช่นปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุน

บทส่งท้าย : การประยุกต์ใช้หลักการลงทุนพื้นฐาน และเชิงเทคนิค

การประยุกต์ใช้ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานเข้าด้วยกันสามารถให้มุมมองในภาพกว้างของโอกาสการลงทุน ซึ่งทําให้ผู้ลงทุนสามารถประยุกต์ใช้จุดแข็งของทั้งสองวิธีการในขณะที่ลดจุดอ่อนของแต่ละวิธีได้ซึ่งขั้นตอนเบื้องต้นที่นิยมปฏิบัติในการประยุกต์ใช้วิธีการลงทุนดังกล่าวสามารถเริ่มต้นได้หลากหลายวิธี แต่วิธีที่สามารถเริ่มต้นได้อย่างง่ายและทำได้ทันทีมี 3 ขั้นตอน

  •  ขั้นตอนที่ 1: การคัดกรองพื้นฐาน 

ในขั้นตอนแรกเราควรสร้างชุดของหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน โดยเริ่มจากหาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น(Under Value) หรือมีโอกาสให้ผลตอบแทน รวมถึงตรวจสอบงบการเงิน ประเมินประสิทธิภาพของฝ่ายบริหาร และพิจารณาตัวชี้วัดเศรษฐกิจ  ประเมินสุขภาพทางการเงิน ผลกําไร แนวโน้มการเติบโต และความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมของบริษัท การวิเคราะห์พื้นฐานช่วยในการสร้างชุดของหุ้นที่สนใจจะลงทุน(Stock Universe) ที่มีโครงสร้างบริษัท รวมถึงมีความปลอดภัยในเชิงพื้นฐาน(Margin Of Safety)

  •  ขั้นตอนที่ 2: การประเมินทางเทคนิค 

เมื่อมีรายชื่อหุ้นที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้วเราจะทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาใช้เพื่อระบุจุดเข้าและออกที่เหมาะสมในเชิงความเสี่ยง และผลตอบแทน โดยศึกษาแนวโน้มราคา แนวรับแนวต้าน ค่าเฉลี่ยราคา(Moving Average) และตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ (Indicators) ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยในการจับจังหวะตลาด เพิ่มโอกาสในการแสวงหากำไรในจังหวะที่เหมาะสม

  • ขั้นตอนที่ 3 : ผสมผสาน 2 ศาสตร์ให้ลงตัว

การใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานให้มีประสิทธิภาพ มีความจำเป็นที่ผู้ลงทุนต้องมีความยืดหยุ่นและติดตามข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่การวิเคราะห์พื้นฐานให้รากฐานที่มั่นคงสําหรับการลงทุนระยะยาว การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถเป็นเครื่องมือสําหรับรับมือความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ผู้ลงทุนต้องมีแบบแผนในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ยึดติดกับมูลค่าพื้นฐานจนละเลยสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดที่เป็นไปได้ หรือหลงใหลในแนวโน้มราคาจนละเลยคุณภาพพื้นฐานของสินทรัพย์

เมื่อเราได้ข้อมูลเชิงพื้นฐานของบริษัทที่เราวิเคราะห์มาแล้วว่ามีความได้เปรียบในการลงทุน และอนาคตบริษัทดูสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ เราจะได้ชุดของหุ้นการบ้านเพื่อทำการบ้านเพิ่มเติมด้วยวิธีการทางเทคนิค เพื่อคัดกรองหุ้นจากชุดการบ้านโดยอิงจากการเคลื่อนไหวราคาเพื่อดูแนวโน้มว่าหุ้นอยู่ในรอบการเคลื่อนไหวช่วงไหนของตลาด(Market Cycle) เป็นหุ้นขาขึ้น หรือขาลง เป็นการย่อตัวลงในแนวโน้มขาขึ้นใหญ่หรือไม่ และความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คาดหวังเหมาะสมหรือไม่ หรือกรณีต้องการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีเพื่อการลงทุนหลังประเมินทางพื้นฐานทุกอย่างดีแล้วจึงจับจังหวะการลงทุนต่อด้วยหลักการทางเทคนิค

  • ตัวอย่าง

บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดแห่งหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาซื้อขายในตลาดรอง(ตลาดหลักทรัพย์)ไม่นานนัก มีกำไรรายไตรมาสที่เติบโตอย่างต่อเนื่องหนี้สินต่อทุนต่ำ และอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตรวมถึงมีสินค้าที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม 

สำหรับนักลงทุนที่วิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานอาจจะมองว่านี่คือโอกาสในการลงทุนที่หายากมาก แต่ นักลงทุนที่วิเคราะห์ด้วยเทคนิค อาจจะมองเห็นแนวโน้มการกลับตัวของราคาในหุ้นที่กำลังเป็นขาลงด้วยปริมาณแรงซื้อขายและเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ มีข้อบ่งชี้ว่า หุ้นมีโอกาสปรับตัวลงในระยะสั้น

การประยุกต์ใช้ทั้งสองศาสตร์เข้าด้วยกันจะทำให้นักลงทุนที่สนใจจะซื้อหุ้นของบริษัทนี้ตัดสินใจที่จะรอให้หุ้นปรับตัวลง หรือรอเพื่อหาสัญญาณในการกลับตัวทางเทคนิคก่อนถึงเริ่มลงทุน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการที่เราจะสามารถเข้าซื้อในจุดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้น

  • บทสรุป

ในโลกการลงทุนที่ซับซ้อน การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะทางพื้นฐานจะเป็นแนวทางที่ทำให้การลงทุนนั้นมีมิติที่ลึกขึ้น และยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ

ไม่เพียงแต่จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์คุณภาพของบริษัทในเชิงพื้นฐานและอนาคตการเติบโตของบริษัท แต่ยังสามารถช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาดได้ ด้วยการประยุกต์ข้อดีของการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานกับการวิเคราะห์ด้วยหลักเทคนิค

นักลงทุนจะสามารถเข้าซื้อในจุดที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีรวมถึงควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสมสำหรับโลกการเงินที่ซับซ้อนอย่างในปัจจุบัน ด้วยข้อมูลที่ช่วยให้การตัดสินใจอย่างมีหลักการสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

ขอบคุณครับ