ทิพยประกันภัยฝ่าคลื่นวิกฤต คว้ารางวัลผู้นำ Resilience

07 ธ.ค. 2568 | 12:33 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2568 | 12:33 น.

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นำทัพทิพยประกันภัยคว้ารางวัล “Resilience & Crisis Management Award” ชูประกันภัยเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ รับโลกเสี่ยงสูง ลุยเป้าเบี้ยโต 2.5-3%

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง ทั้งภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น วิกฤติเศรษฐกิจผันผวน และการแข่งขันเทคโนโลยีที่เร่งความเร็วแบบก้าวกระโดด องค์กรที่สามารถ “ยืนหยัด แข็งแรง และปรับตัวได้ทันเวลา” กลายเป็นต้นแบบสำคัญของเศรษฐกิจไทย 

หนึ่งในรางวัลที่สะท้อน “คุณภาพของผู้นำในยุควิกฤติถาโถม” อย่างชัดเจน คือรางวัล “Resilience & Crisis Management Award” ซึ่งตกเป็นของ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

สะท้อนภาพผู้นำองค์กรที่ยืนหยัดได้อย่างแข็งแรงท่ามกลางคลื่นความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภัยธรรมชาติ โรคระบาด ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีครั้งใหญ่

ดร.สมพรเปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้บริหารจากหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้การยอมรับและมอบรางวัล The Leadership Awards 2025 สาขา Resilience & Crisis Management ให้กับบริษัท

ทิพยประกันภัยฝ่าคลื่นวิกฤต  คว้ารางวัลผู้นำ Resilience

“รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศด้านความยืดหยุ่นและการบริหารจัดการวิกฤติขององค์กร ทั้งในเรื่องระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ และผลงานที่พิสูจน์ได้จริงในช่วงสถานการณ์ท้าทายต่าง ๆ”

สำหรับรางวัลนี้อันทรงคุณค่านี้สะท้อนพลังแห่งความร่วมมือ ความทุ่มเท และความสามารถของผู้บริหารและพนักงานทิพยประกันภัยทุกคน ที่ล้วนมุ่งมั่นทำงานด้วยหัวใจเดียวกัน เพื่อยกระดับองค์กรให้แข็งแกร่ง เติบโตอย่างมั่นคง และขับเคลื่อนทิพยประกันภัยสู่การเป็นผู้นำแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน 

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงต่อไปนั้น บริษัทได้เตรียมผลักดันให้การประกันภัยเข้าถึงประชาชนทุกคนผ่านการเป็นนโยบายแห่งชาติ ที่ช่วยสนับสนุนให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงการประกันภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยง ดูดซับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ 

เช่น ทุกครัวเรือนจะต้องมีประกันอัคคีภัย ประชาชนทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ ประกันนาข้าวทุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนเบี้ยประกันภัย ต่อ GDP หรือ Penetration Rate ของอุตสาหกรรมประกันภัยอยู่ที่ประมาณ 1.5% เท่านั้น ซึ่งยังมีช่องว่างอีกมาก 

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

“ความท้าทายในธุรกิจประกันวินาศภัยตอนนี้เราเห็นชัดเจนว่า มีการเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างประชากร และโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพสิ่งแวดล้อม จนทำให้เกิดมหันตภัยต่างๆ"

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทาย แต่สิ่งหนึ่งที่เจอในธุรกิจคือ การมีคู่แข่งที่ไม่ใช่บริษัทประกันภัยด้วยกันเข้ามาแข่งขัน ประกอบกับการแข่งขันทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีเอไอ ทำให้ธุรกิจประกันภัยต้องเร่งปรับตัว และปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงต่อเนื่องด้วย 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับปรุงโครงสร้างการพัฒนาด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเอไอ หรือการเชื่อมโยงธุรกิจประกันภัยต่อ และจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่าง ๆ เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ดี ๆ กับประชาชน

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้า เชื่อว่า แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลแต่ภาวะเศรษฐกิจไทยก็น่าจะขยายตัวได้ในระดับดีพอสมควร ส่วนธุรกิจประกันภัยคาดว่าจะขยายตัวระหว่าง 2.5-3% 

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจต่อไป คือบริษัทตั้งเป้าหมายการเป็นบริษัทประกันวินาศภัย อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการสร้าง worry free solution ให้กับประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของประชาชน การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และ การดำเนินโครงการและนโยบายภาครัฐ รวมถึงสวัสดิการถ้วนหน้า ที่จะให้ความอุ่นใจทั้งการดำเนินชีวิต ไลฟ์สไตล์ สุขภาพร่างกาย ทรัพย์สิน และความรับผิดต่างๆ 

นอกจากนี้บริษัท ยังมองหาและการสร้างโอกาสจาก Mega Trends ดังนี้  

  1. Climate Change ผลกระทบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่มีมากขึ้นพร้อมกับช่องว่างความคุ้มครองความเสียหาย อยู่ในระดับสูง รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานหมุนเวียน พลังงานสีเขียวที่มีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งทิพยประกันภัยมีพอร์ตงานที่รองรับความคุ้มครอง Catastrophic ใหญ่ที่สุด สามารถ Utilize XOL Capacity เพื่อรองรับการบุกตลาดประกันภัยทรัพย์สินได้มากขึ้น การออกแบบ Parametric Insurance ตามพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการพัฒนา Green Product และ Renewable Energy 
  2. Tech Disruption and AI Revolution ที่ในปัจจุบันหลายๆบริษัทมีการขับเคลื่อนด้วย AI การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ และผลที่ตามมาของความเสียหายจากการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Business Interruption - BI) มีความสำคัญยิ่งขึ้น ทิพยประกันภัยจึงมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตลอดInsurance value chain และการรองรับความเสี่ยงภัยรอบด้านทางไซเบอร์ 
  3. Changing Consumer and Market Landscape ที่แนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับแนวโน้มสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ที่มีจำนวนผู้สูงอายุเกิน 20% ของประชากร รวมถึงตลาดเวลเนส ของไทยมีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลเนสเชิงท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับขยายสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพและเวลเนสที่เหมาะสำหรับสังคมผู้สูงอายุรวมไปถึงเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุในหลากหลายรูปแบบ 
  4. Geopolitical and Economic volatility ที่มีความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าระหว่างประเทศ เศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ต้องมีความยืดหยุ่นปรับตัวเพื่อรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้น การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตธุรกิจและการลงทุน การปรับผลิตภัณฑ์ให้ยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น Pay per Use, Bite-Size Insurance เป็นต้น 

อย่างไรก็ดีในปี 2569 ประเมินว่า จะไม่ใช่ปีของการประคองตัวอีกต่อไป แต่เป็นปีที่ต้องก้าวข้ามความผันผวน และวางรากฐานใหม่ให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเห็นโอกาสเชิงโครงสร้างที่สำคัญ 4 ด้าน ซึ่งจะกำหนดทิศทางการเติบโตของประเทศและอุตสาหกรรมประกันภัย คือ 

  1. Reindustrialization & Green Transition ประเทศไทยต้องยกระดับอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดจริง ซึ่งประเทศไทยอยู่ในจังหวะเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมสู่ New S-Curve ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสะอาด Smart Manufacturing และพลังงานหมุนเวียน 
  2. Digital Productivity & AI Leap เพิ่มผลผลิตของประเทศด้วย AI โดยปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาประชากรสูงวัย และแรงงานขาดทักษะ คำตอบของปี 2026 คือ AI-Productivity Boost ในทุกอุตสาหกรรม 
  3. Resilient Society & Universal Protection สร้างระบบคุ้มครองที่รองรับโลกเสี่ยงสูงความเสี่ยงใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น cyber crime รูปแบบใหม่ๆ หรือสังคมผู้สูงอายุและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งโอกาสของประเทศไทยอยู่ที่ การยกระดับระบบประกันภัยให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเป้าหมายไม่ใช่การขายประกัน แต่ทำให้สังคมไทย ล้มแล้วลุกได้เร็วขึ้น 
  4. ASEAN Expansion & Cross-border Ecosystem ไทยต้องออกไปเล่นเกมระดับภูมิภาคมากขึ้น GDP การเติบโตของไทยเริ่มจำกัดหรือโตแบบชะลอตัว แต่ในภูมิภาค ASEAN ยังขยายตัว 5–6% ต่อปี ปี 2026 คือจังหวะของการสร้าง Regional Growth Platform ด้วยการสร้างพันธมิตรระดับภูมิภาค มองหาตลาดและโอกาสในการขยายการลงทุน

ทิพยประกันภัยฝ่าคลื่นวิกฤต  คว้ารางวัลผู้นำ Resilience

 

หน้า 14  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,155 วันที่ 7 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568