‘สาระ ลํ่าซำ’  เปิดสูตรบริหารคนยุค AI  ผสมผสานใจมนุษย์กับข้อมูล

07 ธ.ค. 2568 | 12:06 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2568 | 12:06 น.

'สาระ ลํ่าซำ' แม่ทัพ 'เมืองไทยประกันชีวิต' ชูคนคือหัวใจองค์กร เดินหน้าปั้นบุคลากรรับโลกผันผวน คว้ารางวัล Human Capital Development – สุดยอด CEO 2025

นายสาระ ลํ่าซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)หรือ ผู้เป็นแม่ทัพของ “เมืองไทยประกันชีวิต” ย้ำถึงแนวคิดสำคัญในการบริหารองค์กรว่า “การพัฒนาบุคลากรคือหัวใจของความสำเร็จ” เพราะเมื่อพนักงานมีความรู้และทักษะที่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว 

พร้อมกันนั้น องค์กรยังให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์และเอื้อต่อแรงจูงใจ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่การได้รับรางวัล Human Capital Development หนึ่งในรางวัล สุดยอด CEO The Leadership Awards 2025 จัดโดยฐานเศรษฐกิจ 

นายสาระ กล่าวขอบคุณฐานเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และหอการค้าไทย ที่มอบรางวัลอันทรงคุณค่านี้ พร้อมยอมรับว่าการได้รับรางวัลในยุคที่โลกเผชิญความผันผวนและการ Disruption นั้นมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะการลงทุนในคนเป็นยุทธศาสตร์หลัก 

‘สาระ ลํ่าซำ’  เปิดสูตรบริหารคนยุค AI  ผสมผสานใจมนุษย์กับข้อมูล

เมืองไทยประกันชีวิต จึงผลักดันวัฒนธรรม Lifelong Learners ให้พนักงานเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งทักษะด้านเทคโนโลยี (AI Literacy, Data Literacy, Digital Skills) และ Soft Skills เช่น Empathy, Adaptability, Resilience

โดยตั้งใจว่า “เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนคน แต่ทำให้คนสร้างคุณค่าได้มากขึ้น” โครงการต่างๆ เช่น Reverse Mentoring และการพัฒนาผู้นำหลายระดับ ช่วยให้การเรียนรู้เป็นสองทางระหว่างรุ่น ทำให้ผู้นำและพนักงานเติบโตพร้อมกัน 

อีกมิติที่ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตแตกต่างคือ การวางวัฒนธรรมความสุขที่วัดผลได้ไม่ใช่คำสวยหรู แต่เป็นตัวชี้วัดที่จับต้องได้ เช่น NPS ที่เพิ่มจาก 58 เป็น 75 และระดับ Employee Engagement ที่สะท้อนความผูกพันของพนักงาน ความสำเร็จในเชิงความสุขนี้ถูกออกแบบผ่านระบบการจัดการประสบการณ์ (Experience Management) ที่เชื่อมโยงการดูแลพนักงานกับการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้า 

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า “รางวัลนี้ไม่ได้มาจากคนเพียงคนเดียว” และตัวเขาเป็นเพียง “ตัวแทน” ในการรับรางวัลเท่านั้น เพราะความสำเร็จที่แท้จริงเกิดจากการที่ทุกคนในองค์กรเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน 

‘สาระ ลํ่าซำ’  เปิดสูตรบริหารคนยุค AI  ผสมผสานใจมนุษย์กับข้อมูล

โดยนายสาระ มองว่า แม้โลกจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลมานานเพียงใด แต่ “คน” ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหาร และเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด แม้องค์กรจะมีบุคลากรที่มี Hard Skill หลากหลาย แต่ Soft Skill ยังคงเป็นหัวใจที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นทักษะที่ใช้ในการสื่อสาร (communicate) และกระตุ้นภาวะผู้นำ (leadership) ของแต่ละคนให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

“หากคนในองค์กรเก่งจริง แต่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ความสามารถนั้นก็ไม่มีความหมายมากนัก ดังนั้น Soft Skill และกลไกด้าน Governance ต่าง ๆ จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า” นายสาระกล่าว 

สำหรับแผนการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิตในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า องค์กรยังคงเดินหน้าลงทุนใน ทุนมนุษย์ (Human Capital) อย่างต่อเนื่อง แต่จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับองค์ประกอบรอบด้านที่เปลี่ยนไปในโลกที่มีพลวัตสูง เพราะคนอาจ “ล้าสมัย” (obsolete) ได้ง่าย องค์กรจึงต้องพัฒนาบุคลากรให้มี ทักษะที่หลากหลาย (multi-skill) ทั้งทักษะภายในองค์กร (internal multi skill) และ Soft Skill 

นายสาระ ยอมรับว่า ความผันผวนและการ Disruption เกิดขึ้นแทบทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นบริบทด้านสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล หรือความแตกต่างของ Mindset ระหว่างคนต่างรุ่น ดังนั้น เมื่อเผชิญการตัดสินใจที่ยาก (tough core) องค์กรจะใช้วิธีประเมินร่วมกับทีมงาน โดยพิจารณาจากข้อมูล (data) เพื่อกำหนดทิศทางที่เหมาะสมให้มากที่สุด 

“หลักการในการตัดสินใจเรื่องยากคือ การยอมรับว่าทุกทางเลือกอาจ ‘เจ็บ’ ทั้งซ้าย ขวา หรือด้านหน้า แต่ต้องเลือกทางที่ ‘เจ็บน้อยที่สุด’ เพื่อให้องค์กรเติบโตต่อไปได้” นายสาระกล่าว  

ส่วนมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจนั้น นายสาระเห็นว่า ทุกปีมีความท้าทายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับปี 2569 ปัจจัยสำคัญคือการทำความเข้าใจเศรษฐกิจโลกควบคู่ไปกับเศรษฐกิจไทย พร้อมมองหา “New Curve” ที่เหมาะสมของประเทศ

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญอื่น เช่น สังคมผู้สูงอายุ ความสามารถของทรัพยากรบุคคล ตลอดจนบทบาทของการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการค้นหา “Sweet Spot” หรือจุดที่ลงตัวที่สุดสำหรับประเทศ 

ทั้งนี้ หากมองในมุมของธุรกิจประกันภัยนั้น ความท้าทายที่สำคัญ คือ “สังคมผู้สูงอายุ” ซึ่งส่งผลให้อัตราความรับผิดชอบ (liability) อาจเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่านี่ คือ โอกาส ซึ่งโอกาสดังกล่าวมาจากการที่ธุรกิจสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่าง ๆ ในเชิงของการประกันเพื่อ ตอบโจทย์ความต้องการ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยมีภาพที่ต้องการเป็น Wellness Hub ซึ่งเน้นเรื่องของ Healthcare สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับภาพของระบบนิเวศ (ecosystem) ที่ธุรกิจประกันเป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้น ภาพรวมสำหรับธุรกิจประกันภัยจึงยังคงเป็น “ภาพบวก” แต่องค์ประกอบที่ต้องจับตามองคือแนวโน้มของ Curve ในประเทศไทย ซึ่งหมายถึงการลงทุนระยะยาว 10 ปีขึ้นไป ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจประกัน 

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ “สาระ ลํ่าซำ” ที่ให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นหัวใจขององค์กร แม้ในยุค AI เมืองไทยประกันชีวิตจึงได้รับการยอมรับและคว้ารางวัลด้านทรัพยากรบุคคลจำนวนมาก อาทิ 

  1.  รางวัล “HR Asia Best Companies to Work For in Asia 2024” – MTL ได้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยถือเป็นการยืนยันถึงความเป็นเลิศด้านการบริหาร ทรัพยากรบุคคลและสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อพนักงานอย่างแท้จริง
  2.  รางวัล “Sustainable Workplace Award” จาก HR Asia – รางวัลนี้ยืนยันว่า MTL มีแนวปฏิบัติในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยั่งยืน สนับสนุนพนักงาน และมีองค์ประกอบของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างครบถ้วน
  3.  รางวัลจาก HR Excellence Awards 2024 โดย Human Resources Online – ได้แก่ “Most People-Focused CEO (Gold)” และ “Excellence in CSR Strategy (Silver)” ซึ่งสะท้อนบทบาทของผู้บริหาร (สาระ ลํ่าซำ) ที่เน้นการพัฒนาบุคลากรเป็นศูนย์กลาง
  4.  การได้รับการประกาศให้เป็น “สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน” โดย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กระทรวงแรงงาน) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน – แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี มีแรงงานสัมพันธ์ที่ดี และมีสวัสดิการรองรับพนักงานอย่างครบถ้วน

 สำหรับเกณฑ์การพิจารณารางวัล The Leadership Award 2025 ของหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อสรรหาผู้นำองค์กร ที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานที่โดดเด่น และเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม ประกอบด้วย 

  1. ขอบเขตผู้ได้รับการเสนอชื่อ: รางวัลจะมอบให้กับผู้นำ (ผู้บริหารหรือ CEO) ขององค์กร
  2. ระยะเวลาดำเนินกิจการ: บริษัทต้องดำเนินกิจการมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี เนื่องจากมองว่าหากน้อยกว่า 5 ปี ผลงานอาจยังไม่ชัดเจนหรือขาดความมั่นคง 
  3. ประเภทของบริษัท: ไม่จำกัดเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) ที่ทำผลงานโดดเด่น ซึ่งเป็นสมาชิกจำนวนมากของสภาหอการค้าฯ สามารถเข้ารับการพิจารณาด้วย 
  4. แนวทางการพิจารณา: คณะกรรมการมีความเห็นร่วมกันว่าควรเน้นการพิจารณาจากเกณฑ์ที่เป็น เชิง ตัวเลข (Quantitative) เช่น การวัดรายได้ (Revenue) หรือกำไร เพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างง่ายดายและเป็นกลาง

 ขณะที่รางวัล Human Capital Development Award นั้นจะใช้เกณฑ์การพิจารณาประกอบด้วย 

  • องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร (Human Capital) ส่งเสริมการ Up-skill/Re-skill 
  • องค์กรที่มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย 
  • องค์กรที่มีมีสวัสดิการที่คำนึงถึงความต้องการของพนักงานแต่ละเพศที่เท่าเทียมกัน 
  • องค์กรที่มีการสร้างสมดุลชีวิต ให้ความสำคัญกับเรื่อง Work Life Balance

‘สาระ ลํ่าซำ’  เปิดสูตรบริหารคนยุค AI  ผสมผสานใจมนุษย์กับข้อมูล

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,155 วันที่ 7 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568