นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ประธานผู้บริหาร Retail Banking ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การเดินหน้าธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ใหม่ที่เป็นกลไกสำคัญในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ของกรุงไทย ซึ่งเป็นไปตามยุทศาสตร์ที่ 2 ในการการเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) และลดความเหลื่อมล้ำ ให้กับกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน
สำหรับ Virtual Bank จะเข้ามาเสริม มาเป็น strategic focus ของกรุงไทย ในด้านการช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินหรือยังเข้าถึงได้ไม่เต็มที่ โดยกรุงไทยจะใช้ Alternative Data ที่ได้จากพาร์ทเนอร์ ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) มาประกอบการพิจารณาเป็นการคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เหล่านี้ได้
“ที่มาที่ไปของการทำ Virtual Bank คือ เราเห็นปัญหาของกลุ่มที่เข้าถึงบริการทางการเงินได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่มีข้อมูลในระบบที่เพียงพอให้ธนาคารให้บริการได้ปกติ เช่น กลุ่มรากหญ้า หรือ กลุ่มไม่มีข้อมูลในเครดิตบูโร ซึ่งมั่นใจว่า Virtual Bank จะมาช่วยให้เราเข้าถึงคนกลุ่มนี้ ได้แน่ๆ“
ทั้งนี้ ในฐานะที่กรุงไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ปัจจุบันมีฐานลูกค้ารวมกว่า 73 ล้านคน แบ่งเป็น ลูกค้ากลุ่มโมบายแบงก์กิ้ง 21 ล้านคน, แอปพลิเคชันเป๋าตัง 40 ล้านคน, แอปพลิเคชันไลน์ 23 ล้านคน,และร้านค้าในแอปพลิเคชันถุงเงิน 2 ล้านคน ซึ่งกรุงไทยมีสาขา 960 ทั่วประเทศ
“เรามองว่าสาขาของธนาคารยังมีความจำเป็น เพื่อรองรับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มฐานรากที่เข้ามาใช้บริการจากนโยบายของรัฐบาลอย่างโครงการคนละครึ่งพลัส”
ขณะที่สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของกรุงไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 2.9% ลดลงมาจากปี 2563 สัดส่วนอยู่ที่ระดับ 3.8% จากนโยบายเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายธวัชชัย ชีวานนท์ ประธานผู้บริหาร Product & Business Solutions ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารได้กำหนด 5 ยุทธศาสตร์การดำเนินงานหลัก ในปี 2569 ได้แก่
1. มุ่งเน้นการใช้ความสัมพันธ์และการเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างรายได้และทำธุรกิจกับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ SME และรายย่อยให้ดีมากยิ่งขึ้น
2. สร้างแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมการเติบโตในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร ทำให้ประชาชนทุกระดับชั้นเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น และเป็นมากกว่า
การให้บริการทางการเงิน
3. ยกระดับการให้บริการลูกค้าทั้งระบบแบบ End to End นำเสนอรูปแบบและวิธีการบริการใหม่ๆ จากต้นจนจบที่ทันสมัย รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อมโยงกันมากขึ้น
4.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีและข้อมูลให้พร้อมสำหรับการก้าวสู่อนาคต เพื่อสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด
5.ขับเคลื่อนวัฒนธรรมและการทำงานรูปแบบใหม่ เพื่อให้พร้อมต่อทุกความท้าทายและทุกการเปลี่ยนแปลง สร้างรูปแบบใหม่ในการทำงาน
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยตั้งเป้า ROE ต้องเติบโตมากกว่า 10% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากต้องการให้ให้ผู้ถือหุ้นเริ่มเห็นมูลค่าของธนาคารสะท้อนออกมาที่ราคาหุ้นมากขึ้น โดย ROE ปัจจุบันอยู่ที่ 12.80%