ธอส. พร้อมโอนหนี้เสีย 1 หมื่นล้านบาท เข้า AMC ตามนโยบายรัฐ

03 พ.ย. 2568 | 23:22 น.

ธอส. ชงแก้พ.ร.บ. รวมหนี้ ช่วยลูกหนี้ชั้นดี รักษาบ้าน หวังหยุดวงจรยึดทรัพย์ พร้อมโอนหนี้เสีย 1 หมื่นล้าน เข้า AMC ตามนโยบายรัฐ

นายกมลภพ วีระพล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ผ่านกลไกบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC โดยธอส. มีแผนยุทธศาสตร์การขาย NPL และได้เตรียมหนี้เสียไว้ในเบื้องต้นที่มูลค่า 10,000 ล้านบาท 

“การโอนหนี้เสียดังกล่าง จะต้องมีการพิจารณาความคุ้มค่าอย่างเหมาะสม โดยในปีที่ผ่านมา ธอส. มีการโอนหนี้ให้เพื่อขายให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM 4,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากยอดที่ตั้งไว้ เนื่องจากเมื่อมีการประกาศแผนการขายนี้กลับทำให้ลูกหนี้จำนวนมากรีบเข้ามาทำประนอมหนี้ เพราะไม่ต้องการย้ายไปอยู่กับบริษัทบริหารสินทรัพย์อื่น”

นอกจากนี้ คณะกรรมการธอส. ได้อนุมัติหลักการขอแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่าด้วยเรื่องการรวมหนี้ เพื่อเปิดช่องทางเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ชั้นดีของธอส. ที่กำลังประสบปัญหาจากหนี้ภายนอกให้สามารถรวมหนี้มาผ่อนชำระที่เดียว โดยขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปที่กระทรวงการคลังแล้ว และจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะมีการจัดตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาในรายละเอียดภายใน 4 เดือน

ทั้งนี้ แนวคิดหลักของการรวมหนี้คือการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ชั้นดีของ ธอส. ที่มีภาระหนี้ภายนอกของสถาบันการเงินอื่น เช่น หนี้ส่วนบุคคล (P-loan) หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่นๆ ทำให้เริ่มหยุดการผ่อนชำระหนี้บ้านกับ ธอส. เนื่องจากถูกหนี้ภายนอกเหล่านี้กดดัน 

“ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเมื่อลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์จากหนี้ภายนอก จะทำให้หนี้บ้านของ ธอส. กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทันที และ ธอส. ต้องเข้าไปช่วยคัดค้านการยึดทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีภาระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เป็นหลายหมื่นล้านบาท”

นายกลมภพ กล่าวต่อว่า หากการแก้ไขกฎหมายผ่าน ลูกค้ากลุ่มนี้จะสามารถกู้จาก ธอส. ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ประมาณ 2-3% เพื่อนำไปปิดหนี้ภายนอกได้ ซึ่งตาม พ.ร.บ. เดิมจะกำหนดวัตถุประสงค์การกู้ไว้เพียงเพื่อการกู้บ้านและซ่อมแซมบ้านเท่านั้น 

โดยการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดการรวมหนี้ในครั้งนี้ จะเป็นการแก้ปัญหารากเหง้าของหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีวินัยและยังต้องการรักษาบ้านไว้ 

อย่างไรก็ตาม การเสนอแก้ไขกฎหมายนี้จะต้องมีการลงรายละเอียดให้ชัดเจนร่วมกับกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการกำหนดนิยามหนี้นอกให้เป็นหนี้ประเภทใดบ้าง และจะไม่ใช่การสนับสนุนให้ลูกหนี้ก่อหนี้เพื่อไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย