ออมสิน กางแผนครึ่งปีหลัง ดันซอฟต์โลนแสนล้าน ช่วยกลุ่มเปราะบาง 2 ล้านคน

15 ก.ย. 2568 | 23:01 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2568 | 01:32 น.

ธนาคารออมสิน กางแผนครึ่งปีหลัง 2568 เร่งปล่อยซอฟต์โลน แสนล้าน ช่วยกลุ่ม SMEs และคนไทยกลุ่มเปราะบาง 2 ล้านราย มองครึ่งปีหลังยังมีแรงกดดัน ลุ้นรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่ง

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ธนาคารออมสินเตรียมออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพิ่มเติม วงเงินโครงการ 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.01% ต่อปี ให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการนำไปปล่อยต่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.50% ต่อปี ใน 2 ปีแรก 

ทั้งนี้เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและพัฒนาศักยภาพธุรกิจไทยให้เข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ที่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินมาก่อน โดย ณ 30 มิถุนายน 2568 ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการปล่อยสินเชื่อผ่าน 3 ภารกิจสำคัญแบ่งเป็น 

  1. การสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินผ่านนวัตกรรมสินเชื่อเพื่อสังคมกว่า 680,000 ราย 
  2. การแก้ไขปัญหาหนี้ที่ช่วยลูกหนี้ไม่ให้เสียประวัติทางการเงินกว่า 800,000 ราย 
  3. การพัฒนาศักยภาพชุมชนผ่านการสร้างอาชีพ และส่งเสริมการออม โดยมีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 250,000 ราย

ช่วยกลุ่มเปราะบาง 2 ล้านคน

ทั้งนี้ ธนาคารจะยังเดินหน้าขยายผลสร้าง Social Impact อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ผ่าน 4 ภารกิจหลัก ควบคู่กับการบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI เข้ามาช่วยยกระดับการดำเนินงานและการให้บริการทางการเงิน ไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ AI Optimized Loan Processing and Underwriting ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติสินเชื่ออย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

รวมทั้งลดระยะเวลาอนุมัติสินเชื่อและต้นทุนการดำเนินงาน และ AI Chatbot for Branch ผู้ช่วยพนักงานสาขาในการค้นหาข้อมูลอย่างสะดวก รวดเร็ว และช่วยเพิ่มความแม่นยำในการให้บริการมากขึ้น โดยจะเริ่มใช้งานในไตรมาส 4 ของปีนี้ ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับบริการทางการเงินให้ครบวงจร และเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตต่อไป

มองครึ่งปีหลังยังมีแรงกดดันต่อ

นายวีระชัย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังเผชิญแรงกดดันทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกที่ชะลอจากนโยบายภาษีทางการค้าและการท่องเที่ยวที่หดตัว ทั้งยังต้องเผชิญปัญหาโครงสร้าง อาทิ ภาวะหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น การเข้าไม่ถึงแหล่งเงินในระบบ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ประชาชนกลุ่มฐานราก และผู้ประกอบการรายย่อย 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ธนาคารได้ดำเนินโครงการสินเชื่อสำคัญหลายโครงการ เช่น สินเชื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ GSB D-Home สร้างบ้านเพื่อคนไทย วงเงิน 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 3.50% ต่อปี อนุมัติแล้ว 6,000 ล้านบาท โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up Plus วงเงิน 100,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 2.99% ต่อปี อนุมัติแล้ว 98,700 ล้านบาท 

รวมถึงมีโครงการใหม่ ทั้ง Soft Loan เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงินกู้สูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย และโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องประมง ระยะ 3 วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการประมง

ครึ่งปีแรกกำไร 1.6 หมื่นล้าน

รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ระบุว่า การดำเนินงานในปีนี้เป็นปีที่ตื่นเต้นค่อนข้างมาก โดยในครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานของธนาคารออมสินได้กำไรประมาณ 16,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีก็น่าจะได้กำไรตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ โดยธนาคาร ไม่ได้เน้นกำไรมาก เพราะเราเป็นธนาคารเพื่อสังคม ทำกำไรให้เหมาะสม และเอากำไรมาช่วยเหลือสังคมมากขึ้น ทำให้ระดับของกำไรคงอาจจะใกล้เคียงเดิม

คนละครึ่งช่วยกระตุ้นการใช้เงิน

ส่วนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการผลักดัน 'คนละครึ่ง' กลับมาอีกครั้งนั้น มองว่า โครงการคนละครึ่งมีข้อดีในเรื่องของการกระตุ้นให้เกิดการใช้เงิน ให้มีการหมุนเวียนมากขึ้น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขาย เพราะว่าเขาจะเป็นการกระตุ้นให้คนเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ข้อดีที่ย้อนกลับมาถึงธนาคารคือ หากผู้ประกอบการทำธุรกรรมด้วยการโอนเงินผ่านแอป ธนาคารจะเห็นประวัติการเดินบัญชี สามารถเอามาใช้ประกอบการขอสินเชื่อได้ 

ขณะที่การประเมินดอกเบี้ยนโยบาย เดิมธนาคารประเมินว่า จะไปถึง 1.0% ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยประมาณการปีนี้ไว้แล้วว่าถ้า กนง. ลดลงดอกเบี้ยงลง ธนาคารก็คงได้รับผลกระทบไม่มากนัก ส่วนยอด NPL ปัจจุบัน NPL ของออมสินอยู่ที่ประมาณ 3.4% แต่ถ้าเป็นแยกรายกลุ่มก็จะไม่เท่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกธนาคาร จะมีมาตรการในการดูแลลูกค้า รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยเองที่ทำโครงการคุณสู้เราช่วย จึงคิดว่า ยอดหนี้สุดท้าย NPL คงไม่ได้เพิ่มมากนัก

"ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ก่อนที่จะมีเปลี่ยนนายกฯ เคยประเมิน GDP ไว้ที่ประมาณ 2% พอเปลี่ยนตัวนายกฯ ก็ต้องดูสักระยะหนึ่งว่าหน้าตาครม. ออกมายังไง ผลการดำเนินงานของครม.เป็นยังไง แเรียกความมั่นใจให้กับธุรกิจและต่างประเทศไหม ประเทศไหนก็ตามที่การเมืองเสถียรภาพ เศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้น บ้านเราก็ลมลุกพอสมควร ซึ่งดูหน้าตาจากชุดนี้พอใช้ได้อยู่ และก็คิดว่าเศรษฐกิจมันก็น่าจะมีทิศทางเติบโตที่ดีขึ้น ไม่ได้แย่อย่างที่พวกเราคิด" นายวีระชัย กล่าวทิ้งท้าย