"หวยเกษียณ" กลยุทธ์สู้หวยใต้ดิน พลิกเงินซื้อหวยเป็นเงินออม

02 ส.ค. 2568 | 22:15 น.

กระทรวงการคลัง ดันแนวคิด "หวยเกษียณ" สู้หวยใต้ดิน หนุนคนไทยออมเงินในระบบ พร้อมชูมาตรการภาษีการค้า หนุนส่งออก-ดึงลงทุน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ปีที่ 19 ว่ารัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางนโยบาย "หวยเกษียณ" เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับหวยใต้ดิน และส่งเสริมวินัยการออมในระยะยาว

แนวคิดหลักของหวยเกษียณคือการเปลี่ยนเงินที่ประชาชนใช้ไปกับการเสี่ยงโชคใต้ดิน ซึ่งมักจะขาดทุนและไม่ได้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ให้กลับคืนมาอยู่ในระบบการออมอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเงินทุกบาทที่ซื้อหวยเกษียณจะไม่สูญหายไปเหมือนหวยทั่วไป แต่จะถูกนำไปสะสมเป็นเงินออมของประชาชนเอง เพื่อนำไปใช้ยามเกษียณ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต และยังช่วยให้เงินทุนหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
 

ชูความได้เปรียบด้านภาษีการค้า ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ในด้านการค้าและการลงทุน ผลการเจรจาการค้าที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างเวียดนาม โดยเฉพาะในเรื่องภาษีการค้า โดยไทยกำหนดอัตราภาษีไว้ 2 ระดับ คือ

  •   อัตราภาษีต่ำ (19%) สำหรับสินค้าที่มีการผลิตในประเทศเป็นสัดส่วนสูง
  •  อัตราภาษีสูง สำหรับสินค้าที่ต้องขนส่งต่อ (transshipment) หรือมีสัดส่วนการผลิตในประเทศน้อย

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ประเทศไทยได้เปรียบอย่างมากจากนโยบายนี้ เนื่องจากเรามีสัดส่วนการผลิตในประเทศสูงกว่าเวียดนามมาก ทำให้สินค้าไทยส่วนใหญ่จะถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำที่ 19%

ซึ่งจะช่วย ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย และยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเพิ่มสัดส่วนการผลิตในประเทศมากขึ้น เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนี้

มั่นใจ GDP ไตรมาส 2 ดีขึ้น พร้อมมาตรการช่วยผู้ส่งออก

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่าขณะนี้หลายหน่วยงานเริ่มปรับเพิ่มประมาณการ GDP ขึ้นแล้ว เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับจาก 2.1% เป็น 2.2% และ IMF ปรับจาก 1.8% เป็น 2.0%

โดยเชื่อว่าตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะประกาศในกลางเดือนนี้ จะออกมาในทิศทางที่ดี

"หวยเกษียณ" กลยุทธ์สู้หวยใต้ดิน พลิกเงินซื้อหวยเป็นเงินออม

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลได้ดำเนินการแล้วหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าในประเทศให้มีต้นทุนต่ำและแข่งขันได้ หรือการเตรียมพิจารณา มาตรการสินเชื่อผ่อนปรน (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ

ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) ก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือไปล่วงหน้าแล้ว เช่น การพักหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเปิดตลาดใหม่