เงินเฟ้อติดลบ ต่อเนื่อง 3เดือน  เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

09 ก.ค. 2568 | 10:39 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2568 | 10:40 น.

กรุงไทยระบุ เงินเฟ้อไทยต่ำ จากราคาพลังงาน กำลังซื้อในประเทศ แถมภาษีทรัมป์ซ้ำเติม เผชิญสินค้าคู่แข่งนำเข้า กดดันแนวโน้มต่ำต่อเนื่อง ด้านกสิกรไทยชี้มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด  

กระทรวงพาณิช ย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) เดือน มิ.ย.2568 อยู่ที่ระดับ 100.42 ลดลง 0.25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.02% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.37% 

เงินเฟ้อติดลบ ต่อเนื่อง 3เดือน  เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย.2568 จากที่ตลาดคาดการณ์ ลดลง 0.10% และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า

ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการโดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน มิ.ย.2568 อยู่ที่ 101.43 เพิ่มขึ้น 1.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.04% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.97%

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัย “Krungthai COMPASS” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า  อัตราเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ มาจากปัจจัยราคาพลังงาน กำลังซื้อในประเทศ บวกผลกระทบจากภาษีทรัมป์เข้ามาซ้ำเติม

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

เมื่อแต่ละประเทศโดนภาษีนำเข้าทรัมป์สูงขึ้น ประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ต้องการนำสินค้าเข้ามาขายในไทย เช่นเดียวกับไทยและทุกคนที่ต้องการหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐ กรณีเจอคู่แข่งที่แข่งขันลำบาก

ทั้งนี้ หากดูเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องมา 3 เดือน มาจากราคาพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นข่าวดีที่ราคาน้ำมันในตลาดลูกลดลง สามารถช่วยให้เราลดราคาพลังงานในประเทศได้ เพราะถ้าราคาน้ำมันแพง ในช่วงเศรษฐกิจไทยไม่ดี จะยิ่งแย่กันไปใหญ่

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1% ก็ถือว่า เป็นระดับต่ำ ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานานเกิดขึ้น ในช่วงหลายปีของไทย ซึ่งเป็นข้อเสีย และเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการ ไม่สามารถขยับราคาสินค้าขึ้นมาได้ ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะที่ การทำกำไรที่ขยายตัวไม่ได้ ซึ่งระยะหลัง ไทยติดอยู่ในโหมดเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง ขนาดที่นโยบายการเงินไม่ได้ sensitive มากนักกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อในประเทศที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้เงินเฟ้อต่ำ เพราะผู้ประกอบการมีความกังวล ถ้าหากจะมีขยับขึ้นราคาสินค้า ในมิติของคุณภาพสินค้าหรือนวัตกรรมของสินค้าใหม่มีน้อยหรือไม่ชัดเจน เพราะหากสินค้ามีมาตรฐาน มีคุณภาพที่ดี คนอาจจะยอมจ่ายแพงขึ้น ประกอบกับในช่วงหลัง จะมีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาถูกเข้ามาแข่งขันในตลาด ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็มีส่วนที่ทำให้ เงินเฟ้อโดยภาพรวมอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับนโยบายการเงินของไทยนั้น ดร.พชรพจน์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประเด็นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐกำหนดเรียกเก็บจากสินค้าไทยในอัตรา 36% เป็นปัจจัยใหญ่ที่อาจจะอยู่นอกเหนือ Baseline case ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่ประเมินเศรษฐกิจในรอบที่แล้ว (กนง.ประเมินบนสมมติฐานอัตราภาษีที่ประมาณ 18%)

ถ้าไม่มีพัฒนาการในเชิงบวกอย่างชัดเจน ไทยก็คงจะอยู่บนสมมติฐานภาษีที่อัตรา 36% ในระยะข้างหน้า ดังนั้น ทิศทางเศรษฐกิจของไทยก็คงจะลดลงกว่าเดิมที่ธปท.ได้ประเมินไว้ เช่นเดียวกันด้านการดำเนินนโยบายการเงินคงจะผ่อนคลายมากกว่าเดิม 

“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยดีนัก สำหรับประชาชน ทั่วไป ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง จะต้องระมัดระวัง ในการใช้จ่ายเหมือนกัน ซึ่งเท่าที่สอบถาม ส่วนใหญ่จะกระทบและค่อนข้างกังวลมาก แต่ยังมีบางส่วนที่บอกว่า ด้วยสินค้าของเขาที่มีนวัตกรรม มีความแตกต่าง และเป็นคู่ค้ากันมานาน ยังมั่นใจว่า ผู้ซื้อยังซื้อสินค้าอยู่ แม้จะเป็นคู่ค้าในสหรัฐ แต่กลุ่มนี้อาจจะมีบ้างไม่ใช่เป็นส่วนใหญ่”ดร.พชรพจน์กล่าว 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่เติบโตมาก ดังนั้นสินค้าไทยจึงพึ่งตลาดสหรัฐค่อนข้างมาก แต่ในระยะข้างหน้า ไทยต้องเร่งหาตลาดทดแทนอย่างจริงจัง เพราะความสามารถในการแข่งขันในด้านราคาจะด้อยลง

ซึ่งทุกอย่างตอนนี้ต้องทำไปพร้อมกัน ไม่สามารถทำย่างใดอย่างหนึ่งคือ ทั้งมิติของภาครัฐ ที่ต้องนำข้อเสนอใหม่ไปเจรจาอย่างดีที่สุด และอีกด้านหนึ่ง คือต้องเตรียมมาตรการ ช่วยเหลือในระยะสั้น ขณะเดียวกันภาคเอกชน หรือ ผู้ประกอบการ ก็ต้องปรับตัว 

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อไทยเดือนมิ.ย. 2568 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ -0.25% ยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยถูกกดดันจากด้านอุปทานเป็นสำคัญ อาทิ ราคาพลังงาน ผักและผลไม้สด  มองไปยังไตรมาส 3/2568 คาดว่า เงินเฟ้อไทยอาจหดตัวต่อเนื่อง แต่จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อไทยปี 2568 อยู่ที่ 0.3% โดยมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มราคาพลังงานโลกที่ลดลง การนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,112 วันที่ 10 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568