กระทรวงพาณิช ย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) เดือน มิ.ย.2568 อยู่ที่ระดับ 100.42 ลดลง 0.25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.02% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.37%
ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย.2568 จากที่ตลาดคาดการณ์ ลดลง 0.10% และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า
ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการโดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน มิ.ย.2568 อยู่ที่ 101.43 เพิ่มขึ้น 1.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.04% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.97%
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัย “Krungthai COMPASS” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า อัตราเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ มาจากปัจจัยราคาพลังงาน กำลังซื้อในประเทศ บวกผลกระทบจากภาษีทรัมป์เข้ามาซ้ำเติม
เมื่อแต่ละประเทศโดนภาษีนำเข้าทรัมป์สูงขึ้น ประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ต้องการนำสินค้าเข้ามาขายในไทย เช่นเดียวกับไทยและทุกคนที่ต้องการหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐ กรณีเจอคู่แข่งที่แข่งขันลำบาก
ทั้งนี้ หากดูเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องมา 3 เดือน มาจากราคาพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นข่าวดีที่ราคาน้ำมันในตลาดลูกลดลง สามารถช่วยให้เราลดราคาพลังงานในประเทศได้ เพราะถ้าราคาน้ำมันแพง ในช่วงเศรษฐกิจไทยไม่ดี จะยิ่งแย่กันไปใหญ่
ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1% ก็ถือว่า เป็นระดับต่ำ ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานานเกิดขึ้น ในช่วงหลายปีของไทย ซึ่งเป็นข้อเสีย และเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการ ไม่สามารถขยับราคาสินค้าขึ้นมาได้ ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะที่ การทำกำไรที่ขยายตัวไม่ได้ ซึ่งระยะหลัง ไทยติดอยู่ในโหมดเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง ขนาดที่นโยบายการเงินไม่ได้ sensitive มากนักกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อในประเทศที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้เงินเฟ้อต่ำ เพราะผู้ประกอบการมีความกังวล ถ้าหากจะมีขยับขึ้นราคาสินค้า ในมิติของคุณภาพสินค้าหรือนวัตกรรมของสินค้าใหม่มีน้อยหรือไม่ชัดเจน เพราะหากสินค้ามีมาตรฐาน มีคุณภาพที่ดี คนอาจจะยอมจ่ายแพงขึ้น ประกอบกับในช่วงหลัง จะมีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาถูกเข้ามาแข่งขันในตลาด ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็มีส่วนที่ทำให้ เงินเฟ้อโดยภาพรวมอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับนโยบายการเงินของไทยนั้น ดร.พชรพจน์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประเด็นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐกำหนดเรียกเก็บจากสินค้าไทยในอัตรา 36% เป็นปัจจัยใหญ่ที่อาจจะอยู่นอกเหนือ Baseline case ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่ประเมินเศรษฐกิจในรอบที่แล้ว (กนง.ประเมินบนสมมติฐานอัตราภาษีที่ประมาณ 18%)
ถ้าไม่มีพัฒนาการในเชิงบวกอย่างชัดเจน ไทยก็คงจะอยู่บนสมมติฐานภาษีที่อัตรา 36% ในระยะข้างหน้า ดังนั้น ทิศทางเศรษฐกิจของไทยก็คงจะลดลงกว่าเดิมที่ธปท.ได้ประเมินไว้ เช่นเดียวกันด้านการดำเนินนโยบายการเงินคงจะผ่อนคลายมากกว่าเดิม
“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยดีนัก สำหรับประชาชน ทั่วไป ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง จะต้องระมัดระวัง ในการใช้จ่ายเหมือนกัน ซึ่งเท่าที่สอบถาม ส่วนใหญ่จะกระทบและค่อนข้างกังวลมาก แต่ยังมีบางส่วนที่บอกว่า ด้วยสินค้าของเขาที่มีนวัตกรรม มีความแตกต่าง และเป็นคู่ค้ากันมานาน ยังมั่นใจว่า ผู้ซื้อยังซื้อสินค้าอยู่ แม้จะเป็นคู่ค้าในสหรัฐ แต่กลุ่มนี้อาจจะมีบ้างไม่ใช่เป็นส่วนใหญ่”ดร.พชรพจน์กล่าว
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่เติบโตมาก ดังนั้นสินค้าไทยจึงพึ่งตลาดสหรัฐค่อนข้างมาก แต่ในระยะข้างหน้า ไทยต้องเร่งหาตลาดทดแทนอย่างจริงจัง เพราะความสามารถในการแข่งขันในด้านราคาจะด้อยลง
ซึ่งทุกอย่างตอนนี้ต้องทำไปพร้อมกัน ไม่สามารถทำย่างใดอย่างหนึ่งคือ ทั้งมิติของภาครัฐ ที่ต้องนำข้อเสนอใหม่ไปเจรจาอย่างดีที่สุด และอีกด้านหนึ่ง คือต้องเตรียมมาตรการ ช่วยเหลือในระยะสั้น ขณะเดียวกันภาคเอกชน หรือ ผู้ประกอบการ ก็ต้องปรับตัว
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อไทยเดือนมิ.ย. 2568 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ -0.25% ยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยถูกกดดันจากด้านอุปทานเป็นสำคัญ อาทิ ราคาพลังงาน ผักและผลไม้สด มองไปยังไตรมาส 3/2568 คาดว่า เงินเฟ้อไทยอาจหดตัวต่อเนื่อง แต่จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อไทยปี 2568 อยู่ที่ 0.3% โดยมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มราคาพลังงานโลกที่ลดลง การนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,112 วันที่ 10 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568