ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศที่ 4/2568 เรื่องการยกระดับความปลอดภัยการใช้งาน Mobile Banking โดยจำกัดการใช้งานเหลือเพียง 1 บัญชีต่อ 1 อุปกรณ์ พร้อมเพิ่มระบบยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยี Face Comparison มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ธปท. กำหนดให้มีการยืนยันตัวตนด้วย Face Comparison และ Liveness Detection ในกรณี:
1. โอนเงินครั้งละ 50,000 บาทขึ้นไป
2. โอนเงินรวมครบ 200,000 บาทต่อวัน
3. เพิ่มวงเงินโอนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
1. ยกเลิกการใช้งานบนเครื่องเก่า
2. ติดต่อธนาคารเพื่อขอรหัสยืนยันตัวตนใหม่
3. ลงทะเบียนบนเครื่องใหม่พร้อมยืนยันตัวตน
4. ตั้งค่าความปลอดภัยและวงเงินการทำธุรกรรม
1. เปิดแอปพลิเคชันธนาคาร
2. เข้าเมนูตั้งค่าความปลอดภัย
3. เลือกการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
4. ปฏิบัติตามขั้นตอนการสแกนใบหน้า
5. ทดสอบระบบการยืนยันตัวตน
1. แจ้งอายัดบัญชีทันที
2. ติดต่อ Call Center ธนาคาร
3. เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน
4. ดำเนินการตามขั้นตอนการกู้คืน
A: มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568
A: สามารถดูได้ทุกบัญชีที่มีในธนาคารนั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันเดียว
A: เฉพาะการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงตามที่กำหนด
A: ติดต่อ Call Center ของธนาคารหรือสาขาใกล้บ้าน พร้อมเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน
1. ตรวจสอบชื่อในซิมการ์ดให้ตรงกับบัญชีธนาคาร
2. เลือกอุปกรณ์หลักที่จะใช้งาน Mobile Banking
3. อัปเดตแอปพลิเคชันให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
4. ศึกษาวงเงินและข้อจำกัดใหม่
5. เตรียมการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
มาตรการใหม่นี้เป็นการยกระดับความปลอดภัยทางการเงินของประชาชน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ผู้ใช้บริการควรศึกษาและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามธนาคารที่ใช้บริการได้โดยตรง
*หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงจากประกาศ ธปท. ที่ 4/2568 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย*