ธปท.ออกประกาศจำกัดใช้ Mobile Banking 1 บัญชี ต่อ 1 อุปกรณ์

11 ก.พ. 2568 | 05:13 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.พ. 2568 | 05:23 น.

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ สั่ง “ธนาคาร” ยกระดับบริการ “Mobile Banking” ให้ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 บัญชีต่อต่อสถาบันการเงิน และอนุญาตให้ใช้งานได้มือถือเครื่องเดียวเท่านั้น

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกเผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ 4/2568 เรื่อง การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ สำหรับสถาบันการเงิน

ธปท.ออกประกาศจำกัดใช้ Mobile Banking  1 บัญชี ต่อ 1 อุปกรณ์

โดยเหตุผลในการออกประกาศฉบับดังกล่าว เนื่องจากการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของสถาบันการเงินแก่ผู้ใช้บริการที่เป็นบุคคลธรรมดาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Banking) ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และภัยทุจริตทางการเงิน ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและใช้เทคนิควิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น อันอาจสร้างความเสียหายต่อผู้ใช้บริการในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงินของประเทศ

ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อยกระดับการให้บริการ Mobile Banking ให้มีมาตรฐานขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินบนแอปพลิเคชั่นของสถาบันการเงินให้เป็นไปอย่างปลอดภัย

มาตรการสำคัญในประกาศฉบับนี้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานโดยตรง ประกอบด้วย  จำกัดการใช้บริการ Mobile Banking ของผู้ใช้บริการไว้เพียง 1 บัญชี ผู้ใช้งานต่อ 1 บริการ Mobile Banking ของแต่ละสถาบันการเงิน และจำกัดการใช้บริการดังกล่าว โดยให้ใช้งานบน 1 อุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการเท่านั้น

สถาบันการเงินต้องจัดให้มีกระบวนการยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการเพิ่มเติมในขั้นตอน การทำธุรกรรมผ่านบริการ Mobile Banking บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบใบหน้า (Face Comparison) ร่วมกับการตรวจจับการปลอมแปลงชีวมิติ (Presentation Attack Detection) ที่สามารถป้องกันการใช้รูปภาพ วิดีโอ หรือการปลอมแปลงชีวมิติในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น การใช้ เทคโนโลยี Liveness Detection เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้บริการเป็นผู้ทำธุรกรรมด้วยตนเอง ซึ่งต้องจัดให้มี กระบวนการยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการเพิ่มเติมดังกล่าวอย่างน้อยในกรณี ดังต่อไปนี้

– การทำธุรกรรมโอนเงินในแต่ละครั้งมีมูลค่าตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป

– การทำธุรกรรมโอนเงินมูลค่ารวมกัน ครบทุก 200,000 บาทในรอบระยะเวลา 1 วัน

– การปรับเพิ่มวงเงินการทำธุรกรรมโอนเงินต่อวัน ให้สามารถโอนได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป

กำหนดเพดานวงเงินสูงสุดต่อวันสำหรับธุรกรรมถอนเงินหรือโอนเงิน ผ่านบริการ Mobile Banking ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ใช้บริการ เพื่อลดความเสียหาย เมื่อผู้ใช้บริการตกเป็นเหยื่อ หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริต เช่น กรณีกลุ่มผู้ใช้บริการที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ให้กำหนดวงเงินสูงสุดของการทำธุรกรรมถอนหรือโอนเงินรวมกันไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ดูประกาศฉบับเต็มได้ที่นี่