2 วิสัยทัศน์ CEO บนเวที Go Thailand 2025: Women Run the World

07 ก.พ. 2568 | 08:12 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2568 | 08:13 น.

WHA เผยผลสำเร็จอาณาจักร 2 แสนล้านบาท เติบโตจากวิชั่นที่แปลงเป็นกลยุทธ์ ด้าน “อบาคัส ดิจิทัล” ชี้ไทยเหลื่อมล้ำสูง คนรวย 10% มีรายได้เกินครึ่งของจีดีพีทั้งประเทศ ระบุประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ทักษะแรงงานไม่ตอบโจทย์

ในงาน Dinner Talk : Go Thailand 2025 Women Run the World พลังหญิงเปลี่ยนโลก จัดโดยหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ โดยช่วงที่ 2 เป็นการกล่าวปาฐกถาพิเศษ : Empowering a Woman เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

ได้รับเกียรติจากนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท WHA คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Vision of Victory : วิสัยทัศน์แห่งชัยชนะ” และดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Tech for Inclusive Growth : AI แก้ความเลื่อมล้ำ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท WHA คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การเติบโตของ WHA Group ช่วง 21 ปีที่ผ่านมา WHA เติบโตจากวิชั่น และมีการวางยุทธศาสตร์ธุรกิจสอดคล้องไปกับ เมกะเทรนด์ของโลก, ภูมิรัฐศาสตร์ และความยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเดินหน้าธุรกิจมาด้วยความเชื่อมั่น เห็นโอกาสธุรกิจโลจิสติกส์ไทยจะเติบโต และตลาดทุนมีความสำคัญ 

2 วิสัยทัศน์ CEO บนเวที Go Thailand 2025: Women Run the World

“WHA เติบโตมาทั้งหมด เป็นเพราะความเชื่อมั่นในตัวเอง และเชื่อว่า ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ไม่หยุดเรียนรู้ ความรู้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Growth mindset สร้างทัศนคติที่ดีขึ้นมา คิดใหญ่ คิดบวก ซึ่งธุรกิจของ WHA เติบโตมาจากการสร้างวิสัยทัศน์ เพราะตั้งแต่อายุ 10 ปี ก็บอกตัวเองแล้วว่า อยากทำธุรกิจ จากวิชั่นก็แปลงเป็นกลยุทธ์”

ทั้งนี้ได้แบ่งช่วงชีวิตออกเป็น 6 ช่วง คือ ช่วงค้นหา ต้องการเป็นอะไร ช่วง 2 เป็นช่วงเดินทาง เพื่อเติมสิ่งที่เราขาดสิ่งที่เราต้องการ ช่วง 3 คือช่วงสร้างฝัน คือช่วงที่เราพร้อมสำหรับการตั้งบริษัทขึ้นมาตั้งแต่อายุ 26 ปี ช่วงที่ 4 คือการสร้างอาณาจักร WHA เกิดขึ้น 22 ปี ช่วงที่ 5 เป็นช่วงเทคโอเวอร์ เราเข้าไปซื้อนิคมอุตสาหกรรมมูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท ช่วงที่ 6 คือช่วงของการคืนสู่สังคม โดยเรื่องนี้สำคัญมาก WHA ดำเนินการมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว 

สำหรับปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย หลายคนกังวลกับนโยบายทรัมป์ 2.0 มีคำถามมากมายว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจ แต่ส่วนตัวยังคงเชื่อว่าการทำธุรกิจนั้น บนความท้าทาย และข้อกังวลเหล่านี้ยังมีโอกาสอีกมาก อยู่ที่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และมองหาโอกาสต่อสิ่งที่รัฐบาลได้พยายามผลักดันเอาไว้ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก 

“ประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากมาย เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง โดยต่างประเทศย้ายการลงทุนเข้ามาในไทย แสดงให้เห็นว่าเชื่อมั่นศักยภาพการเติบโตของไทย ขณะที่ WHA มองโอกาสที่จะเกิดขึ้นบนความท้าทาย”

อย่างไรก็ตาม WHA ต้องมีการขับเคลื่อนด้วย 3 สร้าง คือ

  1. สร้างคน ต้องผลักดันให้คนมีความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มศักยภาพของคนในองค์กร และประเทศที่มีอยู่
  2. สร้างสู้ ต้องสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน โดยต้องสู้ด้วยเทคโนโลยี เนื่องจากปัจจุบันไทยมีโครงสร้างพื้นฐานมากมาย อย่างไรก็ตามโลกเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก ดังนั้นทุกคนต้องเปลี่ยนสู้ด้วยศักยภาพทางการแข่งขัน
  3. สร้างโอกาส คือ การสร้างคอนเน็กชัน ในเมื่อรัฐบาลได้ดึงการลงทุนเข้ามาแล้ว และเริ่มเห็นชัดว่าปัจจุบันประเทศพัฒนาไปมากแล้ว ดังนั้นต้องเริ่มหาพันธมิตรสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น และแน่นอนว่าการสร้างภาพใหญ่เหล่านี้ ทำไม่ได้คนเดียวแน่นอนต้องร่วมมือทุกภาคส่วน รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ต้องพึ่งเอกชนเข้ามาช่วยหนุนด้วย 

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัดกล่าวว่า วันนี้เทคโนโลยีแทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวัน เราอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านที่จะถามตัวเองได้แล้วว่า ความเจริญต่างๆ ที่เราได้ทุกวันนี้นั้น มาช่วยสร้างความมั่งคั่ง ความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยจริงหรือไม่

2 วิสัยทัศน์ CEO บนเวที Go Thailand 2025: Women Run the World  
สำหรับ 2 คำที่เรามักจะใช้เกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ คำแรกคือ คำว่า “ความมั่งคั่งของประเทศ” หรือ Wealth of nations และอีกคำ คือ “ความสำเร็จทางเศรษฐกิจ” หรือ Economic Success ซึ่ง 2 คำนี้มีเส้นบางๆ ห่างกันอยู่เล็กน้อย หากลองนึกถึงประเทศที่เต็มไปด้วยความร่ำรวย แต่คนจำนวนมากยังอยู่ภายใต้ความยากจนอยู่ หรือประเทศที่มีทรัพยากรมหาศาลฝังอยู่ใต้ดิน แต่คนเพียงแค่หยิบมือเดียวของประเทศเขาสามารถจะนำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ได้ 

“ฉะนั้นหากถามว่า ประเทศที่มีความมั่งคั่ง แต่ถือว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจนั้น ถูกขวางด้วยเส้นบางๆ ที่เรียกว่า ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสในการเข้าถึงความรู้ และทรัพยากร”

ขณะที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน แต่ความเหลื่อมล้ำต่างๆ ยังสูงมาก หากมองคนรวย 10% ของประเทศเรา มีรายได้รวมเกินครึ่งของจีดีพีทั้งปีของประเทศ ความเหลื่อมล้ำที่มีความแตกต่างกันค่อนข้างมากขนาดนี้มีความไม่เท่าเทียมกันในเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจไทย

สำหรับความท้าทายของโครงสร้างเศรษฐกิจไทยนั้น ทำให้คนไม่สามารถเข้าถึงโอกาสต่างๆได้ เช่น ประสิทธิภาพการผลิตของไทยตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด โดยศักยภาพการผลิต ณ วันนี้ต่ำกว่า 7 ปีที่แล้ว ทำให้เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ส่วนใหญ่ลงทุนด้านแรงงานมากกว่าด้านเทคโนโลยี

ขณะที่ธุรกิจใหญ่มีต้นทุนในการลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อขยายศักยภาพของธุรกิจ ความมั่งคั่งจึงยิ่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนายทุน ความเจริญไม่กระจายไปสู่ธุรกิจขนาดเล็กได้ 

ขณะเดียวกันศักยภาพทักษะของแรงงาน ไม่ตอบโทย์การจ้างงานอีกต่อไป และการเข้าถึงโอกาสทางด้านการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า 45% ของเศรษฐกิจไทยอยู่นอกระบบ คือ ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถมองเห็นรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจ ทำให้กลุ่มคนทำงานที่มีรายได้เป็นเงินสดแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และหันไปพึ่งหาหนี้นอกระบบ  

ทั้งนี้ พบว่า 42% ของครัวเรือนไทยยังต้องกู้หนี้นอกระบบอยู่ ซึ่งขนาดหนี้นอกระบบของเมืองไทยมีอยู่ตั้งแต่ 80,000 ล้านบาท จนถึง 2 ล้านล้านบาท ฉะนั้น โอกาสในการเข้าถึงหนี้ในระบบได้จะเป็นตัวช่วยปลดล็อคปัญหาสังคมอื่นๆ ด้วย 

อย่างไรก็ตาม วันนี้เริ่มมีความหวัง เพราะเทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างจริงจัง โดยศักยภาพของเอสเอ็มอีสามารถนำเอไอมาใช้ได้ ขณะที่การเพิ่มทักษะแรงงาน การรีสกิล อัพสกิล สามารถเข้าไปในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้หาความรู้ทางด้านออนไลน์ ดิจิทัลได้ 

ด้านโอกาสทางการเงินนั้น พิสูจน์แล้วว่า แพลตฟอร์มดิจิทัล เลนดิ้งสามารถช่วยนำคนจากนอกระบบเข้ามากู้เงินในระบบได้อย่างมีนัยะสำคัญ จากเดิมธนาคารอาจจะใช้ตัวแปร 20-25 ตัว แต่ขณะนี้ใช้ข้อมูลในการปล่อยกู้ประกอบ 1,000-2,000 ตัว จากเดิมใช้ระยะเวลาในการอนุมัติ 1 สัปดาห์ในการปล่อยสินเชื่อ และตอนนี้เพียง 2 นาทีก็สามารถอนุมัติสินเชื่อได้แล้ว

“เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถลดปัญหาเชิงโครงสร้างได้ แต่ใช่ว่าเทคโนโลยีทุกอย่างจะนำมาแชร์กัน และทุกคนจะได้ประโยชน์ทุกกลุ่มในสังคม เราพบว่า จริงแล้วเทคโนโลยีที่โตก้าวกระโดดอาจมาทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอีกด้านหนึ่ง เช่น ผู้ที่มีความรู้ไม่เพียงพอ ไม่เข้าใจ อาจจะเป็นกลุ่มคนที่ถูกผลักออกไป”

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,068 วันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568