เปิดโพย"หุ้นเด่น" โบรกแนะเป็นจังหวะลงทุน หลังหุ้นไทย 2 วันดิ่ง 35 จุด

19 เม.ย. 2567 | 01:43 น.

โบรกฯ มองดัชนีหุ้นไทยปัจจุบัน ดาวน์ไซด์จำกัด ชี้เป็นโอกาสในการเข้าลงทุน โดยเฉพาะบริเวณ 1350 แนะทยอยหาหุ้นสะสมเข้าพอร์ต 2 โบรก"ทิสโก้-เอเซียพลัส" ชี้เป้ากลุ่มหุ้นเด่น "มีโอกาสเข้า SET50- หุ้น DOMESTIC-ได้อานิสงส์บาทอ่อน ฯลฯ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 เม.ย. 2567) เปิดตลาด 1,368.20 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด จากนั้นดัชนีฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย โดยดัชนี SET ทำจุดสูงสุดช่วงเช้าที่ 1,372.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด (0.44%) แต่ช่วงเปิดตลาดภาคบ่ายมีการปรับตัวลง ในช่วงเวลา 15.00 น. ดัชนี SET ร่วงลงลึกจนแตะระดับต่ำสุดที่ 1,349 จุด ติดลบ 17.94 จุด หรือติดลบ 1.31% ก่อนจะรีบาวด์จนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,361.02 จุด ติดลบ 5.92 จุด หรือติดลบ 0.43% มูลค่าการซื้อขายกว่า 54,028.31 ล้านบาท

โดยดัชนีหุ้นไทยช่วง 2 วัน ( 17-18 เม.ย.67 ) รวมถอยลงกว่า 35.36 จุด หรือลบ 2.53%  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ทำให้ต้องตั้งหลักนับหนึ่งกันใหม่ในกรอบแกว่งเดิม 1350-1410  อย่างไรก็ดีด้วยพัฒนาการปัจจัยภายในประเทศที่เป็นบวก (เศรษฐกิจที่คาดจะเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ หลังงบประมาณปี FY2024 เริ่มเบิกจ่าย, การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี, ความชัดเจนของโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และโอกาสการจัดตั้ง Entertainment Complex) จึงยังให้น้ำหนักการทะลุออกจากกรอบด้านบน เพียงแต่ใช้เวลามากกว่าที่คาดหวังไว้เดิมจากปัจจัยต่างประเทศไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
 

แม้การลงทุนหุ้นไทยในช่วงนี้ยังค่อนข้างท้าทาย แต่ระดับ SET Index ปัจจุบัน มองว่า Downside ค่อนข้างจำกัด และในกรณีเลวร้าย หาก SET Index ปรับตัวลงหลุด 1350 อยากให้มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ได้ราคาที่ถูกลงอีก ดังนั้นจึงควรมีเงินสดสำรองไว้บางส่วนเพื่อบริหารความเสี่ยง ประเด็นหุ้นที่เรามองน่าสนใจระยะสั้นและมีโอกาส Outperform ตลาด คือ 

  • (1) หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 (ตามข้อเสนอเกณฑ์ใหม่) : BJC, TIDLOR, BCP, ITC 
  • (2) หุ้น ESG ระดับ AAA ที่พิสูจน์แล้วว่าแข็งกว่าตลาด ตอบโจทย์การลงทุนระยะสั้นสำหรับไตรมาสนี้ และระยะยาวสำหรับในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า : AMATA, CPALL, CRC, PTTGC, SCGP 
  • (3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า : AAI, MEGA, SAPPE, SNNP, TU  
  • (4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและการกระตุ้นบริโภคจากภาครัฐ : MINT, CENTEL, ERW, SPA, CPALL, CPAXT, BJC 
  • (5) หุ้นคาดงบ Q1 เบื้องต้นเติบโต YoY : SCGP, CPALL, CPAXT, CPN, MINT, BEM, ICHI, NSL, AMATA, SAPPE, PR9, SWJD, SISB

 

ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ระบุว่า หุ้นไทยได้ดูดซับปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ไว้มากแล้ว  ดังนั้นผลกระทบต่อ SET INDEX จากนี้ไปเรามองว่ามี DOWNDSIDE ที่เปิดอยู่จำกัด โดยไม่น่าจะเห็นการหลุดระดับ 1350 จุดลงไป ทั้งนี้ในเชิง VALUATION ที่ระดับ 1350 จุด ถือว่ามีนัยสำคัญกล่าวคือ

  • เป็นระดับค่า PE/67 ที่ 16.6 เท่า ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดแตะระดับ -1SD ในรอบ 10 ปีและเป็นระดับต่ำสุดรองจากช่วงวิกฤตโควิดปี 2563-1SD 
  • PBVที่ 1.31 เท่า ถือว่าต่ำมากและอยู่ในบริเวณ -2SD ในรอบ 10 ปี
  • ขณะที่ MARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) ขยายกว้างไปที่ 4.25% บนสมมุติฐาน ที่ กนง. ไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และหากปรับลดลง 0.25% ก็จะทำให้ MEYG ขยายเป็น 4.5% ซึ่งถือว่ากว้างมาก 

ทั้ง 3 ปัจจัยล้วนแสดงให้เห็นว่าที่ SET INDEX บริเวณใกล้ๆ 1350 จุด เป็นจังหวะน่าหาหุ้นทยอยสะสมเข้าพอร์ตเพิ่มเติม และน่าจะผลตอบแทนได้ดีในระยะถัดไป ภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจัยภายนอกเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนหุ้นเด่นน่าสะสมในช่วงนี้ แนะนำหุ้น DOMESTIC หลบความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก BJC, MAJOR, SCCC, TASCO หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน TU, CENTEL หุ้นลดความเสี่ยงสงครามตะวันออกกลาง PTT, PTTEP