นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า กลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 นี้ ทีทีบีจะเปิดตัวธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ในช่วงเดือนเม.ย.67 ซึ่งจะดำเนินการผ่านโมบายแบง์กิ้ง เป็นการให้บริการดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยระยะแรกตั้งกรอบวงเงิน 100 ล้านบาท เพื่อดูแนวโน้มผลตอบรับจากลูกค้า และทิศทางของตลาด
ทั้งนี้ นาโนไฟแนนซ์จะเป็นส่วนที่เข้าไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงยังเข้าไม่ถึงสภาพคล่องจากสถาบันการเงิน และต้องการช่วยให้ลูกค้าที่มีวินัยการชำระหนี้ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จะดำเนินการภายใต้เกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย (Risk-based pricing)
ขณะเดียวกัน ในปี 2567 นี้ ทีทีบี จะให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสินเชื่อบ้านแลกเงิน โดยวางเป้าหมายเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา ยอดสินเชื่ออยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และยังให้ความสำคัญกับสินเชื่อรถแลกเงินด้วย วางเป้าหมายการเติบโตที่ 15-20% จากปีที่ผ่านมาให้บริการ 8.5 หมื่นคัน
ทั้งนี้ วางเป้าหมายยอดสินเชื่อบุคคลปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท
นายฐากร กล่าวว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคล ทีทีบียังคงมุ่งส่งเสริมให้คนไทยใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยมากจนเกินไป และยังคงมุ่งเน้นการแนะนำโซลูชันรวบหนี้ให้กับลูกค้าผ่านสินเชื่อสวัสดิการ ttb welfare loan สำหรับพนักงานบริษัทที่ใช้บัญชีเงินเดือนทีทีบี และการโอนหนี้มายังบัตร ttb flash card รับดอกเบี้ยต่ำกว่า ทั้งยังเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อผ่าน Digital Lending ด้วย ttb touch
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน ทีทีบีวางเป้าเติบโต 1-2% จากปีที่ผ่านมาสามารถทำได้ 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งในปีนี้ ธนาคารได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อบ้านใหม่ในกลุ่มบ้านเดี่ยวในเมือง และคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า พร้อมเพิ่มสัดส่วนการรีไฟแนนซ์บ้านในกลุ่มลูกค้าพนักงานเงินเดือน และเน้นโครงการรวบหนี้ เพื่อช่วยผ่อนภาระดอกเบี้ยให้กับคนไทย
ส่วนสินเชื่อรถยนต์นั้น จะเพิ่มสัดส่วนรถ EV พร้อมวางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ได้แก่
ด้านบัตรเครดิต ในปีนี้ บัตรเครดิต ttb มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านเครือข่ายพันธมิตร วางเป้ามีผู้ใช้งานกว่า 1 แสนใบ โดยมุ่งเน้นการสร้างความคุ้มค่าในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสำหรับคนมีรถ คนมีบ้านและพนักงานเงินเดือน ล่าสุดบัตรเครดิต ttb ได้จับมือกับ Google Pay ให้บริการผูกบัตรกับ Google Wallet แตะ จ่าย ไร้สัมผัส ผ่านสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และ เร็ว ๆ นี้ ลูกค้าจะสามารถใช้บริการ Virtual Credit Card บนแอป ttb touch ใช้จ่ายได้ทันทีหลังบัตรอนุมัติ ไม่ต้องรอบัตรจัดส่ง เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
“ในปี 2567 นี้ ทีทีบีเดินหน้ากลยุทธ์ LEAD the CHANGE for Financial Well-being of Retail Customers เป็นผู้นำในการสร้างความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนให้ลูกค้าฉลาดออม ฉลาดใช้ มีความรอบรู้เรื่องกู้ยืม พร้อมลงทุนเพื่ออนาคต และมีความคุ้มครองที่อุ่นใจ จึงมุ่งพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ ตรงใจกลุ่มลูกค้า และนำ Digital & Data Innovation มาใช้เพื่อพัฒนาการให้บริการที่ดีขึ้น”
ขณะที่สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในส่วนของสินเชื่อบ้านสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 2.9% คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากส่วนใหญ่สินเชื่อบ้านเน้นกลุ่มข้างบน และการรีไฟแนนซ์ ขณะที่สินเชื่อรถยนต์ คาดว่า NPL อยู่ที่ 1% เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นรถใหม่ ทั้งนี้ ธนาคารยังมีการบริหารความเสี่ยงด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้า และในปีนี้วางเป้าหมายปรับโครงสร้างมากขึ้นจากเดิม 6,000 บัญชีต่อเดือน เป็น 7,000 บัญชีต่อเดือนขึ้นไป เพื่อประคองสถานะของลูกค้า และธนาคารไม่อยากยึดรถด้วย
ด้านหนี้เสียบัตรเครดิตนั้น ธนาคารไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ส่วนใหญ่ลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารเป็นฐานลูกค้าในพอร์ตของธนาคารอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในด้านสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นความเสี่ยงที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ ในปี 2567 จะมีการใช้ Digital & Data Innovation เพื่อพัฒนาการให้บริการที่ดีขึ้น โดยทีทีบีมุ่งให้บริการด้วย Digital-First Experience โดยนำเสนอประสบการณ์การทำธุรกรรมที่สะดวกและครอบคลุม ผ่านแอป ttb touch และการทำ Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลควบคู่ไปกับการใช้ AI Engine เพื่อเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่มากขึ้น สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจในระดับบุคคล
นอกจากนี้ ยังพร้อมยกระดับความปลอดภัยในการใช้งาน และในปีนี้แอป ttb touch ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ทยอยออกมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Ecosystem Play ตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่ Active ในแต่ละเดือนบนแอป ttb touch เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับธุรกรรมบนแอป ttb touch ที่เพิ่มขึ้น 33 %