ราคาทองพุ่งต่อ รับดอกเบี้ยนโยบายขาลง

04 มี.ค. 2567 | 09:52 น.

สมาคมค้าทองคำจับตา ดอกเบี้ยนโยบายลดครึ่งปีแรก หนุนราคาทองคำ-Gold Spot ปรับเพิ่มแตะ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลุ้นกำลังซื้อในประเทศตีกลับครึ่งปีหลัง ด้านศูนย์วิจัยทองคำแนะเกาะติดเฟด ลดดอกเบี้ยพ.ค. ดันบาทแข็ง กดราคาทองคำแท่งไทยอ่อนค่าลง

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับสูง แม้ว่ากำลังซื้อช่วงตรุษจีนจะแผ่วลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึกของผู้บริโภคที่ยังไม่เคยชินกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาอยู่แถว3 หมื่นกว่าบาทและเม็ดเงินรายได้ยังไม่ชัดทำให้ไม่มีกำลังซื้อ ทำให้บรรยากาศการซื้อทองคำไม่คึกคักนัก

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นอีก หาก ดอกเบี้ยนโยบาย มีโอกาสปรับลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี โดยปัจจัยที่พอจะเป็นความหวังคือ ภาคการท่องเที่ยว หากมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา อาจส่งผลต่อรายได้ของผู้บริโภคในประเทศและจะเห็นการกลับเข้ามาซื้อทองคำได้

“ปีนี้โอกาสต่างๆ น่าจะดีขึ้น เพราะการระบาดของโควิดได้ผ่านไปแล้ว สัญญาณจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะกลับมาดี น่าจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะ ส่วนตัวมองว่า การซื้อขายทองคำน่า จะกลับมาดีในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อคนมีรายได้สำหรับกินและใช้จ่ายก่อนจากนั้น จึงจะมีเงินเหลือใช้ซื้อทองคำ” นายจิตติ กล่าว

ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายทองคำปีนี้ ยังมีมูลค่าน้อย ปัจจัยหลักมาจากราคาทองคำไม่เคลื่อนไหวเท่าที่ควร คือ การขึ้นลงของราคาทองคำถือว่า มีเพียงเล็กน้อย ไม่จูงใจการเข้ามาลงทุน แม้ราคา Gold Spot จะปรับเพิ่มขึ้น ตามอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่แข็งค่า แต่หากเงินบาทอ่อนค่า ราคา Gold Spot ก็จะอ่อนตาม

การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและทองคำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ราคาทองคำช่วงเช้าและช่วงบ่ายปรับขึ้นปรับลงตามค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวขึ้นลง ถึง 20 สตางค์ในวันเดียวกัน ทำให้ราคาทองคำเปลี่ยนไปเกือบ 200 บาท ซึ่งไม่ค่อยมีในสมัยก่อน ขณะเดียวกันราคาทองคำในต่างประเทศปรับขึ้นมา ซึ่งค่าเงินบาท มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำด้วย 

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำครึ่งปีแรก โดยเฉพาะ Gold Spot มีโอกาสทะลุ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ทิศทางราคาทองคำในประเทศขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท 

ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มครึ่งแรกปีนี้ นักลงทุนยังมองราคาทองคำเคลื่อนไหวในระดับสูงทั้ง Gold Spot และทองคำแท่ง โดยต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ด้วย หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง และมีผลให้ราคาทองคำแท่งของไทยอ่อนค่าลง 

ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

ส่วนมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ภาคเอกชนสนับสนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยลง เพื่อเกื้อหนุนต่อการบริโภคและลดภาระหนี้ครัวเรือน แต่ส่วนตัวมั่นใจต่อการตัดสินใจของธปท.ที่ดำเนินนโยบายเพื่อดูแลอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ ค่าเงินและผลกระทบกับประชาชนโดยรวมด้วย 

“ยกตัวอย่าง ช่วงที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า โดยกนง. ก็ไม่ได้ปรับดอกเบี้ยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามเฟด ทำให้ประเทศชาติก็มีเสถียรภาพพอสมควร แม้ไม่ได้วิ่งตามตลาดโลก เพราะฉะนั้นรอบนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่าธปท.และกนง.ยังต้องพิจารณาผลกระทบอีกหลายด้าน” ดร.พิบูลย์ฤทธิ์กล่าว 

ดร.พิบูลย์ฤทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า บรรยากาศตลาดทองคำปีนี้ ช่วงตรุษจีนเป็นโอกาสของการขาย โดยที่ราคาทองคำเคลื่อนไหวไปตามประเมินไว้ เนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา มีกำลังซื้อเข้ามาเมื่อราคาทองคำในประเทศขยับเป็น 3.3 หมื่นบาทปลายๆ ข้ามปีมาราคาก็ยังวิ่งอยู่ในระดับสูงแถว 34,450 บาท (21 ก.พ.66) จากที่ราคาไปทำสูงสุดที่ 34,550 บาท ซึ่งราคายังคงวิ่งอยู่สูงเหนือระดับ 34,000 แทบจะทั้งเดือนกุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม “ทองคำ” ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน ต้นปีนี้มีการสลับขายทำกำไรออกมาบ้าง สำหรับทองคำแท่งไทยได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าด้วย โดยตั้งแต่ต้นปีค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในระดับเหนือ 36 บาทต่อดอลลาร์ หรืออ่อนค่าระดับสูง ซึ่งผู้ที่ถือทองคำแท่งอยู่แล้วเป็นโอกาสขายทำกำไร 

แต่ในแง่ของผู้ซื้ออาจจะเหนื่อยเล็กน้อย เพราะแม้ว่า Gold Spot ปรับลดลงมาแตะ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ช่วงนั้นเงินบาทไม่เป็นใจทำให้ราคาทองคำแท่งยืนอยู่ในระดับ 34,000 บาท ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยของตลาดที่ปรับมุมองต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจะเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยออกไป จากภาพที่ตลาดคาดจะเห็นเฟดจะลดดอกเบี้ยครึ่งแรกเดือนพฤษภาคมปีนี้ ส่งผลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,969 วันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567