แนะปีหน้า ถือเงินสด 10% รับเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง

24 ก.ย. 2566 | 06:52 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2566 | 06:52 น.

 SCB Wealth ชี้เทรนด์ดอกเบี้ยขาลงปีหน้า แนะถือเงินสดเหลือ 10% เชียร์สินทรัพย์ทางเลือก ตราสารหนี้ต่างประเทศ ค่ายจิตตะเวลธ์ แนะจับจังหวะขาลงสะสมหุ้นจีน ชู 3 ธีมรับผลตอบแทนโดยเด่น “เซมิคอนดักเตอร์ เมตาเวิร์ส หุ่นยนต์และ AI”

ปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในไทยลดลง หลังการเมืองนิ่ง มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ บวกกับนโยบายภาครัฐน่า จะกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น และยังได้อานิสงส์จากนักนักท่องเที่ยวภูมิภาคเอเซียเพิ่มขึ้น รวมถึงการย้ายฐานการผลิตอีกด้วย ทำให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจมากขึ้น

นายศรชัย สุเนต์ตา ,CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าความท้าทายของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth management) ในอนาคตคือ ทำอย่างไรให้พอร์ตลงทุนของลูกค้ามีความทนทานต่อสภาวะความผันผวนได้ดีกว่าเดิมมากขึ้น  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องวางโครงสร้างของพอร์ตลงทุนให้ทนทาน เช่น การกระจายสินทรัพย์การลงทุนให้มีความหลากหลาย ฉะนั้น กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกน่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้บ้าง

นายศรชัย สุเนต์ตา ,CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์

ในแง่การเติบโตนั้น คาดว่า ปีนี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 7-8%โดยเป็นการเติบโตทั้งจากลูกค้าใหม่และขยายฐานการลงทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์ปลอดภัยตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าตลาดหุ้น ประกอบกับดอกเบี้ยโลกอยู่ในระดับสูงสามารถจูงใจนักลงทุน

 สำหรับพอร์ตการลงทุนนั้น แบ่งเป็นพอร์ตหลัก (Core Port) 70% กับ พอร์ตเสริม (Satellite Port) 30% โดย Core Port ควรจะลงทุนสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดค่อนข้างสูง ส่วน Satellite Port นั้นเป็นการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นกองรีท อินฟลาฟันด์ ทองคำ น้ำมัน รวมถึงการลงทุนใน “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” หรือสตรัคเจอร์โน๊ต (Structured Note) เพื่อป้องกันความเสี่ยงการลงทุนได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนระหว่าง Core Port และ Satellite เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% และ 10% ตามลำดับ

“พอร์ตการลงทุน ต้องเน้นกระจายความเสี่ยง และเน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดเยอะขึ้น จริงๆ การลงทุนในตลาดจีนยังสามารถลงทุนผ่านสตรัคเจอร์โน๊ต เพียงแต่ต้องหากลยุทธ์การลงทุนให้เกิดผลกำไร แม้ในตลาด Side way” นายศรชัยกล่าว

ส่วนแนวโน้มปีหน้า บรรยากาศยังคล้ายกับปีนี้และดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงกว่าอดีต โดยแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดในสหรัฐประเภท Investment Grade เน้นระยะยาว 5-10 ปี เพราะดอกเบี้ยน่าจะใกล้จบวงจรขาขึ้นแล้ว หากเงินเฟ้อปรับลดลง ใน 1-2 ปี ข้างหน้ามีโอกาสที่ผู้ลงทุนตราสารหนี้จะได้รับ Capital Gain ด้วย 

ดังนั้นปีหน้าต้องทยอยลดการถือเงินสดลงเหลือ 10% จากปีนี้อยู่ที่ 15-20% เพราะระยะ 1-2 ปีข้างหน้าดอกเบี้ยมีแนวโน้มทยอยปรับลง ซึ่งจะปรับพอร์ตไปลงทุนตราสารหนี้อายุยาวมากขึ้น เช่น หุ้นในสหรัฐ (กลุ่มเทค) และหุ้นไทยที่จะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการลงทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นทั่วโลก โดยผลตอบแทนในตลาดหุ้นสหรัฐฯช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ดัชนี Dow Jones +4.49% Nasdaq +32% S&P500 +16.46% (ณ 18 ก.ย.66) ถือว่า ยังเป็นตลาดที่เติบโตมาก

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการลงทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ต่ำกว่า 100  รวมถึง Inverted Yield Curve ยังบ่งชี้ถึงสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยการออมที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับสูง และอาจปรับลดลงในอนาคต นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นกู้ระดับ Investment Grade เพื่อรับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงโดยไม่เสี่ยงมากเกินไป

 ส่วนของตลาดหุ้นจีน แม้จะเห็นความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจมาอยู่ในระดับ 4-5% ต่อปี แต่ยังถือว่า เป็นระดับที่น่าลงทุน ซึ่งนักลงทุนอาจจะใช้จังหวะนี้ปรับพอร์ตลงทุนได้ ด้วยการลดน้ำหนักการลงทุนมาเป็นการทยอยสะสมแทนได้ เพื่อรับโอกาสในอนาคต นอกจากนี้จะเห็นว่ามี Fund Flow ไหลเข้าประเทศอินเดียเป็นจำนวนมาก

 พร้อมแนะนำ 3 ธีมตามเมกะเทรนด์ของโลกที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุดที่น่าลงทุน เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เมตาเวิร์ส หุ่นยนต์และ AI โดยเซมิคอนดักเตอร์นั้น สามารถประยุกต์ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ IoT อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมอากาศยาน และการผลิตรถยนต์ในจีนช่วงนี้กำลังเพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการในเซมิคอนดักเตอร์สูงขึ้นไปด้วย

 สำหรับธีมเมตาเวิร์ส มีโอกาสเติบโตเฉลี่ยทบต้นที่ 13.1% ต่อปี ในปี 2567 จากตลาด online video game, VR, AR ที่มีมูลค่า 274.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 412.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567

สุดท้ายธีมคลาวด์ มีโอกาสเติบโตได้จาก การเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัลของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง (Digitization) เช่น การทำงานแบบ WFH การช้อปปิ้งออนไลน์ การชำระเงินแบบดิจิทัล การสตรีมวิดีโอ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การประมวลผลแบบคลาวด์, AI จะผลักดันให้บริษัทต่างๆ หันมาใช้บริการคลาวด์มากขึ้น

 “หลายปีที่ผ่านมา ความผันผวนเกิดขึ้นในหลายตลาด นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการลงทุนระยะยาวที่จะช่วยฝ่าฟันความผันผวนในระยะสั้นได้ และควรหมั่นถั่วเฉลี่ยการลงทุนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จะทำให้ต้นทุนการลงทุนไม่สูงเกินไป” นายตราวุทธิ์ กล่าว

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,924 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2566