"เยลเลน" แนะเฟดยังไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยอีก เผยแบงก์จ่อคุมเข้มการปล่อยกู้

18 เม.ย. 2566 | 02:11 น.

"เยลเลน"แนะธนาคารกลาง (เฟด) ยังไม่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก มองแนวโน้มธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐมีความระมัดระวังมากขึ้นและอาจใช้นโยบายที่เข้มงวดในการปล่อยเงินกู้ ขณะนักลงทุนให้น้ำหนักเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. 

 

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีวานนี้ (17 เม.ย.) ว่า ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะระมัดระวังมากขึ้นและอาจจะใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยเงินกู้ หลังเกิดเหตุการณ์ ธนาคารล้มละลาย ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก

นางเยลเลนระบุว่า การที่สหรัฐใช้นโยบายป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบหลังจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) ล้มละลายในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเม็ดเงินฝากไหลออก และช่วยให้ความตื่นตระหนกเริ่มบรรเทาลงด้วย

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ

"ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ขณะนี้เราเริ่มเห็นว่ามีธนาคารบางแห่งกำหนดมาตรฐานการปล่อยกู้ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น และเราคาดว่า อาจจะมีธนาคารที่ใช้แนวทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก" นางเยลเลนกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีถามว่า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินฝากนั้น การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่อนุญาตให้ผู้บริโภคในสหรัฐมีบัญชีกับเฟดโดยตรง เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ โดยนางเยลเลนตอบว่า

"มีทั้งข้อดีและข้อเสียในการตัดสินใจเรื่องดังกล่าว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างจริงจัง แต่มันก็อาจเป็นเรื่องของอนาคตของชาวอเมริกัน"

ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนเสนอให้รัฐบาลเร่งออกสกุลเงิน CBDC (central bank digital currency) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง โดยเธอแนะนำให้สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเป็นผู้ดำเนินการโดยตรงกับผู้ใช้งาน CBDC แทนที่จะเป็นหน่วยงานของรัฐบาล

"เรามีหลากหลายทางเลือก และในทางเลือกเหล่านั้นก็มีปัญหารวมอยู่ด้วย ดิฉันจึงคิดว่า ความเป็นส่วนตัวก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ หากธนาคารกลางจะออกสกุลเงิน CBDC โดยตรงให้กับผู้บริโภค" นางเยลเลนกล่าว

นักลงทุนเทน้ำหนักคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เดือนพ.ค.นี้

ขณะที่นางเยลเลน รัฐมนตรีคลัง ออกมาเตือนเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ด้านนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. นี้ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดและตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 88.1% ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้  และให้น้ำหนักเพียง 11.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%

ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ชะลอตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดัชนีดังกล่าวยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด

ส่วนรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมดังกล่าว  เนื่องจากกังวลว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง แม้เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความกังวลว่าวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ผู้บริโภคคาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับ 4.6% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนที่แล้วที่ระดับ 3.6%

นักลงทุนจับตา ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 28 เม.ย.นี้ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญตัวสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2-3 พ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนี CPI