สคฝ.ยันแบงก์ไทยแกร่ง ประเมินเงินฝากปี 66 โต 4%

31 มี.ค. 2566 | 10:44 น.

DPA เผยทิศทางเงินฝากปี 66 โต 4% พบประชาชนบางส่วนพักเงินในระบบ รอจังหวะลงทุนทองคำ ทีทีบี จ่อออกโปรดักต์ใหม่เดือนเม.ย.หนุนรายย่อยสร้างวินัยสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น คาดทั้งปีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ 8-9 แสนราย

วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐที่ขยายวงจากธนาคาร SVB Bank สู่ธนาคารกลางราย อื่นๆ เช่น ธนาคาร Signature Bank, ธนาคาร First Republic Bank และธนาคารขนาดใหญ่ในยุโรป อย่างธนาคาร เครดิตสวิส ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางของเงินฝากในระบบบางส่วนจะเป็นการพักเงินระยะสั้นในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่และกองทุน โดยเฉพาะในช่วงตลาดการเงินมีความผันผวน กลุ่มธุรกิจนำเงินมาพัก แต่ไม่ได้พักยาว

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

 

“เช่น หากตลาดหุ้นทรงตัวก็จะมีเงินฝากไหลเข้าสู่ระบบธนาคารหรือช่วงนี้ทองคำมีโอกาสปรับราคาขึ้นคนที่มีเงินฝากจะถอนเงินออกไปเพื่อลงทุนถือทองคำแทน ดังนั้นแต่ละปีจึงเห็นประชาชนและภาคธุรกิจบางส่วนจะมีการนำเงินมากพักในบัญชีเงินฝากเพื่อรอจังหวะลงทุน”นายทรงพลกล่าว

อย่างไรก็ตามปีที่แล้ว เงินฝากวงเงินเกิน 1 ล้านบาทจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องนำเงินฝากออกใช้จ่ายมากกว่าปกติ เพราะส่วนหนึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่กลับมา แต่เงินฝากทั้งระบบไม่ได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใดหลังจากมีการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็น 1 ล้านบาทต่อคนต่อบัญชีและต่อสถาบันการเงิน (32 แห่ง)

สคฝ.ยันแบงก์ไทยแกร่ง ประเมินเงินฝากปี 66 โต 4%

สำหรับปีนี้เงินฝากมีแนวโน้มจะเติบโตไม่น้อยกว่า 4% จากปีที่แล้วโต 3.36% โดยปกติเงินฝากจะเติบโตล้อกับทิศทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้า จากแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองในระบบคิดเป็นสัดส่วนกว่า 98% โดยกองทุนคุ้มครองเงินฝากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.37 แสนล้านบาท

“เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองปัจจุบันมากกว่า 98% โดยรวมเงินฝากทั่วไปและเงินฝาก ผ่านช่องทางดิจิทัลและในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทางสคฝ.จะสามารถเพิ่มความคุ้มครองครอบคลุมถึงเงินฝาก Virtual Bank ที่ได้รับใบอนุญาตและมีผลบังคับใช้จากแบงก์ชาติ” นายทรงพลกล่าว

นายฐากร ปิยะพันธุ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ทหารไทยธนชาต (ttb)กล่าวว่า ปี 2566 ทีทีบีตั้งเป้าระดมเงินฝากรวม 5 หมื่นล้านบาท จากที่มีอยู่ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 5% โดยในจำนวนนี้เป็นบัญชีเงินฝาก ME 30,000 ล้านบาท และเงินฝากส่วนใหญ่มาจากรายย่อยมากกว่ารายใหญ่ โดยเป็นลูกค้ารายย่อยที่เปิดบัญชีใหม่ เช่น บัญชีเงินฝาก 8-9 แสนราย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามา 1.5 ล้านรายจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ราว 10 ล้านราย

นายฐากร ปิยะพันธุ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ทหารไทยธนชาต

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีทีบีกล่าวว่า เดือนเมษายน ทีทีบีจะออกผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อสนับสนุนและทำให้ลูกค้ามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังมีเงินออมน้อย ซึ่งแคมเปญเงินฝากในระบบจะมีสีสันมากขึ้นและทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีทีบี

ทั้งนี้ได้ยึดหลักการ 3 เรื่องในการทำแคมเปญเงินฝากคือ

  1. ทำให้ลูกค้ามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมสร้างวินัยในการออม
  2. ทำให้พนักงานแบงก์มีความรู้ทางการเงิน
  3. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลูกค้ามีทางเลือกทั้งเงินฝากอัพแอนด์อัพ, เงินฝากประจำหรือบัญชี ME ของทีทีบี ที่เหมาะกับพนักงานที่มีเงินเดือนประจำหรือ Payroll วงเงินฝาก 1 แสนบาทแรกได้รับดอกเบี้ย 2% ขณะที่ลูกค้าหลายราย ถ้ามีโอกาสจะใช้สกุลเงินต่างประเทศในอีก 6 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้า จะสามารถเปลี่ยนเงินบาทเป็นสกุลเงินดอลลาร์ได้ โดยเปิดบัญชีเงินฝาก FCD รับดอกเบี้ย 4.35%

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,873 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2566