KEY
POINTS
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้ (28-30 พ.ย. 68) ยังคงเคลื่อนไหวในโหมดรอทิศทาง หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway โดยยังไม่ปรากฏสัญญาณการเบรกกรอบอย่างชัดเจน
ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์รอย่อซื้อ ที่บริเวณแนวรับสำคัญ 4,075-4,045 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยประมาณ 62,400-62,000 บาท โดยการปรับฐานในระยะสั้นยังควรยืนเหนือระดับ 4,022 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิอเป็นราคาทองไทยประมาณ 61,500 บาท เพื่อรักษาโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นไว้
ขณะเดียวกันก็มีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับอยู่ที่โซน 4,150-4,170 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 63,500-63,900 บาท ซึ่งถือเป็นระดับที่ตลาดจะต้องยืนเหนือให้ได้หากจะขึ้นต่อไปได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความผันผวนของตลาด และการเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมได้กลับมาเพิ่มขึ้นแถว 80% อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงไปที่ 29% และด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงช่วยพยุงความเชื่อมั่นฝั่งซื้อทองคำไว้ได้ในบางส่วน
ขณะที่ราคาทองคำยังคงยืนอยู่ใกล้โซน 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าจะยังไม่หลุดแนวโน้มสำคัญ แต่โมเมนตัมฝั่งซื้อยังคงไม่แข็งแรงมากพอ เนื่องจากแรงกดดันของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังคงทรงตัวแข็งค่า ประกอบกับสัญญาณเชิงบวกเรื่องสันติภาพยูเครน-รัสเซีย ที่เริ่มลดความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลง
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลชี้นำต่อมุมมองนโยบายการเงินของเฟด หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดอาจจะกลับมาคาดหวังโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ทำให้ทองคำมีโอกาสรีบาวด์ขึ้น
แต่หากเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด ทองคำก็อาจเผชิญกับแรงขายรอบใหม่และทดสอบระดับแนวรับที่ต่ำกว่าเดิม ขณะเดียวกันการใช้จ่ายส่วนบุคคลและความเชื่อมั่นผู้บริโภค ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องติดตาม เนื่องจากตลาดเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวของกำลังซื้อ ที่อาจสะท้อนความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นอกจากนี้ ด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ว่าข่าวสันติภาพดูเหมือนช่วยลดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่หากการเจรจาไม่คืบหน้าหรือผลลัพธ์กลับมาตึงเครียด หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นๆ เกิดขึ้น เช่น การตอบโต้ทางทหาร, การแทรกแซงค่าเงินเยน หรือการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยี ทำให้ทองคำอาจกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
รวมถึงอาจส่งผลให้สัปดาห์นี้ทองคำยังมีโอกาสแกว่งตัวแรงจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและสภาพคล่องที่เบาบางจากวันหยุดในสหรัฐฯ และนักลงทุนควรติดตามข่าวใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ตามจังหวะตลาดอย่างระมัดระวัง