ยอดธุรกรรมพร้อมเพย์ เดือน ก.ย. มูลค่ารวม 4.20 ล้านล้านบาท

21 ต.ค. 2568 | 05:32 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2568 | 05:47 น.

พร้อมเพย์ ก.ย. 68 โต 10% ยอดธุรกรรม 2.16 พันล้านรายการ มูลค่า 4.20 ล้านล้านบาท ลงทะเบียน 81.53 ล้านเลขหมาย Cross-Border QR เติบโต 55% รับนักท่องเที่ยว

KEY

POINTS

  • เดือนกันยายน 2568 มียอดธุรกรรมพร้อมเพย์รวม 2.16 พันล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 4.20 ล้านล้านบาท
  • มูลค่าธุรกรรมเติบโตขึ้น 3% และจำนวนรายการเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • วันที่ 1 ก.ย. 2568 เป็นวันที่มีการทำธุรกรรมสูงสุดของเดือน อยู่ที่ 78.32 ล้านรายการ ซึ่งเป็นวันทำการแรกของเดือน
  • บริการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-Border QR Payment) ขาเข้าเติบโต 55% โดยมีมูลค่ารวม 396.73 ล้านบาท

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินระดับประเทศ เปิดเผยข้อมูลการใช้งานระบบ “พร้อมเพย์” (PromptPay) ประจำเดือนกันยายน 2568 พบว่ายอดธุรกรรมยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของระบบการเงินดิจิทัลในประเทศไทยที่มีความเสถียร มั่นคง และเป็นที่เชื่อมั่นของผู้ใช้ทุกภาคส่วน

ยอดธุรกรรมเติบโตต่อเนื่อง แม้เข้าสู่ช่วงปลายไตรมาส

เดือนกันยายน 2568 มียอดธุรกรรมรวมทั้งสิ้น 2.16 พันล้านรายการ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (1.97 พันล้านรายการ) คิดเป็นอัตราการเติบโต 10% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่มูลค่าธุรกรรมรวมอยู่ที่ 4.20 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.07 ล้านล้านบาทในปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นการเติบโต 3%

ยอดธุรกรรมพร้อมเพย์ เดือน ก.ย. มูลค่ารวม 4.20 ล้านล้านบาท แม้ตัวเลขการเติบโตจะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังถือเป็นสัญญาณบวกของพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบดิจิทัลที่คงที่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและธุรกิจขนาดกลาง–ขนาดเล็ก (SMEs) ที่ใช้พร้อมเพย์เป็นช่องทางหลักในการโอนเงิน รับชำระค่าสินค้า และบริหารสภาพคล่องรายวัน

ยอดการลงทะเบียนแตะ 81.53 ล้านเลขหมาย

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ยอดการลงทะเบียนพร้อมเพย์รวมอยู่ที่ 81.53 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น

•             ภาคประชาชน 81.16 ล้านเลขหมาย

•             ภาคธุรกิจ 0.37 ล้านเลขหมาย

ตัวเลขดังกล่าวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความไว้วางใจในระบบที่ปลอดภัยและสะดวก โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานอิสระ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เลือกใช้พร้อมเพย์เป็นบัญชีหลักในการรับ–จ่ายเงินแบบเรียลไทม์

วันที่มียอดธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์สูงสุดเดือนกันยายน 

เดือนกันยายน 2568 มียอดธุรกรรมสูงสุดอยู่ที่ 78.32 ล้านรายการ ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันทำการแรกของเดือนหลังวันหยุดสุดสัปดาห์ สะท้อนพฤติกรรมผู้ใช้ที่นิยมทำธุรกรรมช่วงต้นเดือน เช่น การโอนเงินเดือน ชำระค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และการโอนชำระของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการโอนเงินระหว่างบัญชีส่วนบุคคล (P2P) และธุรกิจขนาดเล็ก (SME Payments) ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า “พร้อมเพย์” ได้กลายเป็นระบบการชำระเงินประจำวันของคนไทยอย่างแท้จริง ซึ่งถูกใช้ในทุกช่วงเวลาของชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้จ่าย ค้าขาย และการหมุนเวียนทางการเงินของธุรกิจในระดับฐานราก

Cross-Border QR Payment เติบโตต่อเนื่อง 

บริการ Cross-Border QR Payment ยังคงเติบโตแข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค โดยในเดือน กันยายน 2568 มูลค่าธุรกรรมขาเข้า (Inbound Transaction Value) รวมอยู่ที่ 396.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 255.33 ล้านบาทในเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 55% เมื่อเทียบรายปี (YoY)

ยอดธุรกรรมพร้อมเพย์ เดือน ก.ย. มูลค่ารวม 4.20 ล้านล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความนิยมและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและเลือกใช้ระบบการชำระเงินผ่าน Cross-Border QR Payment ซึ่งให้ความสะดวก ปลอดภัย และมีต้นทุนการแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าการใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตแบบเดิม

ประเทศที่มียอดใช้จ่ายผ่าน Cross-Border QR Payment ขาเข้าสูงสุด 3 อันดับแรกของเดือนกันยายน 2568 ได้แก่

1.            มาเลเซีย – มูลค่าธุรกรรม 245.81 ล้านบาท

2.            ลาว – มูลค่าธุรกรรม 54.62 ล้านบาท

3.            อินโดนีเซีย – มูลค่าธุรกรรม 41.12 ล้านบาท

กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนยังคงเป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของบริการนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียที่มีสัดส่วนธุรกรรมมากกว่า 50% ของมูลค่ารวมทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการเดินทางเข้าไทยที่เพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในช่วงปีที่ผ่านมา

มูลค่าธุรกรรมในเดือนกันยายน 2568 จึงไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของระบบพร้อมเพย์ในฐานะ “โครงสร้างพื้นฐานหลักของการชำระเงินดิจิทัลของประเทศ” แต่ยังแสดงถึงบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการเงินดิจิทัลในภูมิภาค NITMX ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบให้มีความทันสมัย ปลอดภัย และรองรับการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างประเทศที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ