แนวโน้มราคาทองคำ 30 มิ.ย.-4 ก.ค.68 ผู้เชี่ยวชาญคาดปรับลง ขณะตลาดโลกฟื้น

30 มิ.ย. 2568 | 04:18 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มิ.ย. 2568 | 04:25 น.

ราคาทองคำโลกฟื้นตัวเล็กน้อยแต่ผู้เชี่ยวชาญ 46% คาดแนวโน้ม 30 มิ.ย.-4 ก.ค.68 ปรับลง หลังราคาทองคำไทยร่วง 1,650 บาท ติดตามปัจจัยสหรัฐ-จีน ตะวันออกกลาง และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

30 มิถุนายน 2568 - ตลาดทองคำโลกเริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากร่วงลงมาแตะจุดต่ำสุดในรอบมากกว่าหนึ่งเดือน โดยราคาทองคำ Spot ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 3,281.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากแรงหนุนของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่การคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนช่วยลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ความเห็นผู้เชี่ยวชาญแนวโน้มลบ

จากการสำรวจล่าสุดของ GRC Gold Survey โดยศูนย์วิจัยทองคำ พบว่าผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำส่วนใหญ่มองแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้(30 มิ.ย.-4 ก.ค.68) ในแง่ลบ โดยจากผู้เชี่ยวชาญ 13 รายที่เข้าร่วมสำรวจ มีถึง 6 ราย หรือ 46% คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะลดลง ขณะที่เพียง 3 ราย หรือ 23% เท่านั้นที่มองว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น และอีก 4 ราย หรือ 31% คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในแนวนอน

ทิศทางเดียวกันนี้สะท้อนออกมาในกลุ่มนักลงทุนทองคำด้วย จากการสำรวจนักลงทุน 341 ราย พบว่า 200 ราย หรือ 59% คาดการณ์ราคาทองคำจะลดลง มากกว่านักลงทุนที่คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 101 ราย หรือ 29% อย่างชัดเจน ส่วนที่เหลือ 40 ราย หรือ 12% คาดว่าราคาจะคงที่

ราคาทองคำในประเทศร่วงแรง

สำหรับตลาดทองคำในประเทศไทย สถานการณ์ดูไม่แจ่มใสนัก เมื่อราคาทองคำแท่ง 96.5% ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ปิดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ระดับ 50,600 บาทต่อบาททองคำ ลดลงถึง 1,650 บาทเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 52,250 บาท ซึ่งสะท้อนแรงขายที่ค่อนข้างรุนแรงในตลาดในประเทศ

การปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการลดลงของความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

ปัจจัยบวกจากความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน

ความคืบหน้าในเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดแรงกดดันต่อราคาทองคำ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Scott Bessent เปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศได้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งแร่หายากและแม่เหล็กไปยังสหรัฐฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าข้อตกลงการค้าต่างๆ ของรัฐบาลทรัมป์กับประเทศอื่นๆ อาจเสร็จสิ้นภายในวันหยุด Labor Day ที่ 1 กันยายนนี้

นอกจากนี้ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอลหลังจากความขัดแย้งนาน 12 วัน ยังคงมีผลบังคับใช้ ซึ่งช่วยลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลงอีกระดับหนึ่ง

ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ

Tim Waterer นักวิเคราะห์ตลาดหลักของ KCM Trade ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันมี "ความมองโลกในแง่ร้าย" น้อยลงทั้งในเรื่องการเจรจาภาษีและเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง ทำให้ทองคำต้องเล่นเป็นตัวรองเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม Waterer เตือนว่า ระดับ 3,250 ดอลลาร์ยังคงเป็นจุดสนับสนุนสำคัญสำหรับทองคำ หากราคาลงมาทะลุระดับนี้ อาจเห็นการขายออกเร่งตัวลงไปสู่ระดับ 3,200 ดอลลาร์

ปัจจัยที่ต้องจับตา

สำหรับสัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่นักลงทุนควรติดตาม ได้แก่ การปิดตลาดเงินและตลาดทุนสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายทองคำเบาบางลงในช่วงปลายสัปดาห์

นอกจากนี้ การเปิดเผยรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนมิถุนายน 2568 จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนจะยิ่งสูญเสียความน่าสนใจ ประกอบกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจกดดันราคาทองคำในระยะสั้น

ถึงแม้ทองคำจะฟื้นตัวเล็กน้อยในตลาดโลก แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเผชิหน้ากับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทำให้การลงทุนในช่วงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังและติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิด

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • ข้อมูลตลาดทองคำโลก: Reuters International Gold Market Report
  • ผลสำรวจความเห็น: GRC Gold Survey โดยศูนย์วิจัยทองคำ (สำรวจระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.-4 ก.ค. 2568)
  • ราคาทองคำในประเทศ: สมาคมค้าทองคำ (ราคาทองคำแท่ง 96.5%)
  • การวิเคราะห์ตลาด: Tim Waterer, Chief Market Analyst, KCM Trade
  • ข้อมูลการค้าสหรัฐ-จีน: Treasury Secretary Scott Bessent
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ: US Bureau of Labor Statistics, Institute for Supply Management (ISM)