ค่าเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาปิดตลาดวันที่ 22พ.ค.ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าตามแรงหนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยล้างช่วงบวกและกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงบ่ายตามแรงขายทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะรายงานในคืนนี้ รวมถึงสถานการณ์ของร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,423.95 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,259 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -25.05 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -21.94 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.60-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานะฟันด์โฟลว์ต่างชาติ ประเด็นสงครามการค้า และสถานการณ์ของร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ