“AMATAV” รายได้ไตรมาส 1/68 ร่วงเหลือ 863 ล้าน หลังเศรษฐกิจชะลอ

17 พ.ค. 2568 | 03:19 น.

“AMATAV” เผยผลประกอบการไตรมาส 1/68 รายได้ร่วงเหลือ 863 ล้าน หลังเศรษฐกิจเวียดนามชะลอจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และราคาพลังงานผันผวน

นายสุขุม พิทยาพิบูลพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส1/68 ว่า บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 863 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

โดยมีปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามที่ชะลอตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ 

ราคาพลังงานที่ผันผวน และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการตัดสินใจของภาคธุรกิจในประเทศ

สำหรับรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคในไตรมาสนี้อยู่ที่ 699 ล้านบาท ลดลงจาก 946 ล้านบาท หรือประมาณ 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

“AMATAV” รายได้ไตรมาส 1/68 ร่วงเหลือ 863 ล้าน หลังเศรษฐกิจชะลอ

ซึ่งโดยมีสาเหตุมาจากการลดลงของปริมาณการใช้บริการจากลูกค้า อย่างไรก็ตามธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ 

โดยมีรายได้อยู่ที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% แม้พื้นที่ขายจะลดลง 

แต่บริษัทสามารถปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 25% เป็น 47%ได้สำเร็จ โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลองถั่น ซึ่งบริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์การตั้งราคาที่เหมาะสมและการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุน รวมรายได้อื่น ๆ 24 ล้านบาท 

 

“แม้เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับภาวะแรงกดดันจากภายนอก บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าสถานะทางการเงินของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยสิ้นไตรมาส1/68 บริษัทมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 14,600 ล้านบาท และมีภาระหนี้สินรวมลดลง สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงินอย่างรัดกุม และเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของประเทศ โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า GDP ของเวียดนามในไตรมาส1/68 ขยายตัว 6.93%“

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน อมตะ วีเอ็น มีที่ดินรองรับการขายในประเทศเวียดนาม จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง บนพื้นที่รวม 714 เฮกตาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาเฟสที่ 3 เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต 

และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลองถั่น บนพื้นที่รวม 410 เฮกตาร์ ซึ่งยังมีศักยภาพในการขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนในการดำเนินโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ภายในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2583