จาก "พระคลังมหาสมบัติ" สู่ "กระทรวงการคลัง" 150 ปี วางรากฐานเศรษฐกิจไทย

30 เม.ย. 2568 | 08:07 น.
อัปเดตล่าสุด :30 เม.ย. 2568 | 08:22 น.

เปิดประวัติศาสตร์สำคัญของการคลังไทย จาก "พระคลังมหาสมบัติ" ระบบเจ้าภาษีนายอากร สู่ "กระทรวงการคลัง" การวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พลิกวิกฤตสู่โอกาสกว่า 150 ปี

การบริหารการคลังของไทย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยในอดีตพระราชทรัพย์มาจาก "ส่วยสาอากร" หรือภาษีอากร 4 ชนิด  ได้แก่ จังกอบ อากร ส่วย และฤชา

 

เมื่อเข้าสู่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นได้มีการจัดระเบียบการปกครองฝ่ายพลเรือนเป็น 4 แผนก เรียกว่า "จตุสดมภ์" ซึ่งประกอบด้วย กรมเมือง กรมวัง กรมพระคลัง และกรมนา โดยกรมพระคลังมีหน้าที่รักษาราชทรัพย์และผลประโยชน์ของบ้านเมือง

 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในรัชสมัย "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2418 ทรงตราพระราชบัญญัติกรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งกรมนี้มีฐานะเทียบเท่ากระทรวงเพราะใช้คำภาษาอังกฤษเรียกอธิบดีว่า "Minister of Finance" จึงถือเป็นวันสถาปนากระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2416 พระองค์ทรงเริ่มปฏิรูปการคลังโดยโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง "หอรัษฎากรพิพัฒน์" ในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ทำการของเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ และให้มีพนักงานบัญชีกลางสำหรับรวบรวมบัญชีเงินผลประโยชน์แผ่นดิน ตรวจตราการเก็บภาษีอากร และเร่งรัดการจัดเก็บรายได้

 

ระบบการคลังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2367-2394) นับว่าน่าสนใจยิ่ง พระองค์ทรงสนพระทัยปรับปรุงเศรษฐกิจของประเทศและหาวิธีเพิ่มรายได้แผ่นดินด้วยการให้ "ผูกขาดการเก็บภาษีอากร"

 

จาก \"พระคลังมหาสมบัติ\" สู่ \"กระทรวงการคลัง\" 150 ปี วางรากฐานเศรษฐกิจไทย

 

โดยอนุญาตให้เจ้าภาษี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนในไทยเป็นผู้จัดเก็บภาษีอากรจากราษฎรโดยตรง ผ่านระบบการประมูล เจ้าภาษีจะเสนอรายได้สูงสุดในการจัดเก็บภาษีแต่ละชนิด เมื่อได้รับอนุญาต ก็จะแบ่งส่งเงินรายได้แก่รัฐบาลเป็นรายเดือน เรียกว่าระบบ "เจ้าภาษีนายอากร"

ในปี พ.ศ. 2433 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติพระธรรมนูญหน้าที่ราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ยกฐานะกรมพระคลังมหาสมบัติเป็นกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ มีหน้าที่ รับ จ่าย และรักษาเงินแผ่นดิน รวมถึงสรรพราชสมบัติพัสดุทั้งปวง

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 ทรงแบ่งหน่วยราชการส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง แยกอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน โดยกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเป็นหนึ่งในนั้น ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเดินทางของกระทรวงการคลังตลอด 150 ปีว่า

 

"ความเข้มแข็งทางการคลังเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญมาโดยตลอด ด้วยพื้นฐานที่วางไว้อย่างรอบคอบ ทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจในหลายยุคสมัย ตั้งแต่วิกฤตน้ำมัน วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จนถึงวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

 

กระทรวงการคลังได้จัดงาน "MOF Journey 150 ปีเส้นทางการคลังไทย" ระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่านี้ให้ประชาชนได้รับรู้ พร้อมนำเสนอภาพการพัฒนาของกระทรวงการคลังจากอดีตสู่ปัจจุบัน และทิศทางในอนาคต

 

 

 

#150ปีกระทรวงการคลัง #MOFJourney #ฐานเศรษฐกิจ