ตลาดตราสารหนี้ไทย 7-11 ส.ค. 66 ซื้อขายพุ่ง 10% รวม 3.03 แสนล้าน

15 ส.ค. 2566 | 08:45 น.

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ThaiBMA สรุปภาพรวมตลาดตราสารหนี้ช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 เฉลี่ยมีการซื้อขายวันละ 60,738 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% และมูลค่ารวมกว่า 3.03 แสนล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 7 - 11 สิงหาคม2566 มีปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มูลค่ารวม 303,690 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 60,738 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 10% 

ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารพบว่ากว่า 63% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 192,636 ล้านบาทเป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) 

ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 70,912 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงประมาณ 2-4 bps.ในตราสารระยะยาว และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,737 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

โดยพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB246A (อายุ 0.9 ปี) LBA476A (อายุ 23.9 ปี) และ LB249A (อายุ 1.1 ปี) 

ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,260 ล้านบาท 7,068 ล้านบาท และ 5,696 ล้านบาท ตามลำดับ

หุ้นกู้ภาคเอกชน ปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่

หุ้นกู้ของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น SCGC279A (A+(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท 

หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTC288A (AAA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 325 ล้านบาท

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) รุ่น MTC241A (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 314 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (E-Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 รับแลกเต็มวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยมี Source bond คือ รุ่น LB246A และ Destination bond จำนวน6 รุ่น ได้แก่ LB293A, LB336A, LB436A, LBA476A, LB526A, และ LB726A

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 17,835 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST)(อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 11,465 ล้านบาท 

และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 791 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 7,161 ล้านบาท