ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.-ไตรมาสที่2ปี2566ท่องเที่ยวหนุน

31 ก.ค. 2566 | 10:32 น.

ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.-ไตรมาสที่ 2ปี66 “ท่องเที่ยว” หนุน เกาะติด 3ปัจจัย “ เศรษฐกิจและการเงินโลกยังผันผวน-การจัดตั้งและนโยบายของรัฐบาลใหม่ รวมถึงผลของค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงต่อกลุ่มเปราะบาง” ชี้แนวโน้มเดือนก.ค.และระยะต่อไป

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์   ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงิน เดือนมิถุนายน 2566 และไตรมาสที่ 2โดยระบุว่า  ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว

 ส่วนมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจากสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมทรงตัวสอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรม และเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง จากหมวดอาหารสด และเงินเฟ้อพื้นฐานก็ปรับลดลงจากผลของฐานที่สูง

ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.-ไตรมาสที่2ปี2566ท่องเที่ยวหนุน

ขณะที่ในไตรมาสที่2 เครื่องชี้สะท้อนการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน โดยภาคบริการและภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ และมูลค่าส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการส่งออกสินค้าเกษตร แต่ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมได้ลดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานก็ปรับลดลงจากฐานสูงในปีก่อนและเงินเฟ้อในหมวดพลังงานปรับลดลงด้วย

“ส่วนแนวโน้มเดือนก.ค.และระยะต่อไป เศรษฐกิจไทยยังทยอยฟื้นตัวปรับดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของภาคบริการ แต่ยังต้องติดตามเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังผันผวน ,การจัดตั้งและนโยบายของรัฐบาลใหม่ รวมถึงผลของค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงต่อกลุ่มเปราะบาง”นางสาวชญาวดีกล่าว 

เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า แรงขับเคลื่อนสำคัญในเดือนมิ.ย.  คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.4ล้านคนเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณ 2ล้านคนเมื่อเดือนก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากหลายสัญชาติโดยเฉพาะมาเลเซียและจีน  ดัชนีการผลิตภาคบริการเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนที่ 1.0% หลักๆ เป็นผลดีจากการท่องเที่ยว รวมทั้งโรงแรม ภาคขนส่งที่ฟื้นตัวได้ดี ขณะที่ภาคการค้าและขนส่งสินค้า 

ไตรมาสที่ 2 ภาคบริการยังขยายตัวได้ 4.9% ซึ่งมาจากกิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว  โดยไตรมาส2นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.4ล้านคน และ    มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 2.5%  หลักๆ จากการส่งออกสินค้าเกษตร (ทุเรียนในภาคใต้ไปจีน)  

ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.-ไตรมาสที่2ปี2566ท่องเที่ยวหนุน

แต่เกษตรแปรรูปปรับลดลง จากการส่งออกที่ลดลงจากการ ปรับลดลงจากการส่งออกน้ำมันปาล์ม เนื่องจากอินโดนีเซียมีมาตรการจำกัดการส่งออก   โดยผ่อนมาตรการเดือนมิ.ย.จึงเป็นคู่แข่งกับไทยทำให้การส่งน้ำมันปาล์มลดลง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ดีขึ้นตามการส่งออกฮาร์ดดิสไดร์ฟไปอาเซียนกับสหรัฐตามรอบการส่งออก  สอดคล้องกับการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากการผลิตฮาร์ดดิสไดร์ฟปรับดีขึ้น  แต่หากรวมกับอิเล็กทรอนิกส์อาจจะเพิ่มขึ้นไม่สูงมาก  ส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปสหรัฐและยุโรปที่ลดลงตามอุปสงค์

มูลค่าการส่งออกทั้งไตรมาส2 เพิ่มขึ้น 0.7%จากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากการส่งออกสินค้าเกษตร (ทุเรียน) ,การส่งออกยานยนต์ไปออสเตรเลียและสหรัฐเป็นสำคัญ

สำหรับภาคการผลิตอุตสาหกรรม เครื่องชี้ในเดือนมิ.ย. “ทรงตัว” โดยลดลง -0.2% ซึ่งมีทั้งลดและเพิ่มขึ้น โดยส่วนที่ปรับลดคือ หมวดอาหาร และเครื่องดื่ม  หมวดยางและพลาสติกจากจีน และ หมวดไอซีและคอนดักต์เตอร์หดตัวสอดคล้องสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

สำหรับหมวดที่เป็นบวก ได้แก่ ปิโตรเลี่ยม มาจากโรงกลั่นที่กลับมาเปิดได้(ปิดในเดือนพ.ค.) และการผลิตเหล็กจากฐานที่ต่ำ และเริ่มเห็นการนำเข้าน้อยลงจากต่างประเทศ  

ไตรมาสสองภาคการผลิตดัชนีผลการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.0%จากไตรมาสก่อนหน้าทั้งหมวดยานยนต์  อาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ    

การบริโภคภาคเอกชน เดือนมิ.ย.ชะลอลงเล็กน้อยอยู่ที่ 0.3% จากเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายเกือบทุกหมวด เช่น  หมวดสินค้าคงทน ปรับลดลงตามยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล  รถยนต์เชิงพาณิชย์  ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์  เนื่องจากมีการเร่งส่งมอบไปก่อนหน้าและสถาบันการเงินอาจจะเข้มงวดขึ้นบ้าง เพราะมีการปล่อยสินเชื่อไปก่อนหน้า

หมวดสินค้ากึ่งคงทนนั้น ปรับลดลงเดือนนี้ตามการนำเข้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและยอดขายปลีก  ส่วนหมวดสินค้าไม่คงทนที่ปรับลดลงมาจากยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมแอลกอฮอล์และยาสูบ(ซึ่งเร่งไปก่อนหน้าช่วงที่มีการเบิกจ่ายวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ)  แต่ยอดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้ไฟฟ้ายังขยายตัว 

ส่วนหมวดบริการ “ทรงตัว”ตามการใช้จ่ายหมวดโรงแรม  ภัตตาคารและขนส่งผู้โดยสาร  ถ้ามองเป็นภาพไตรมาส2 การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 2.3%จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมาจากหมวด สินค้าไม่คงทนตามการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ตามสภาพอากาศที่ร้อยกว่าปกติ และหมวดบริการที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยว

ปัจจัยสนับสนุนการบริโภค คือ ดัชนีความเชื่อมั่น  โดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน  (เป็นการฟื้นตัวจากกิจกรรมการท่องเที่ยว)

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง  และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ปรับลดลง 1.8%   จากเดือนก่อนหน้า  มาจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ซึ่งปรับลดลงทุกองค์ประกอบ เช่น  ตามการนำเข้าสินค้าทุน (คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง) การนำเข้าเครื่องบิน จากที่เร่งไปเมื่อเดือนพ.ค. และยอดจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศก็ปรับลดลงตามยอดจำหน่ายมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า  ยอดจดทะเบียนรถกะบะที่ปรับลด

ส่วนการลงทุนด้านก่อสร้าง ลดลงตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ขณะพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างยังเติบโตตามพื้นที่อุตสาหกรรม และโรงงานโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี  ซึ่งทั้งไตรมาส2 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 1.4%จากไตรมาสก่อน  โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหรรมใหม่ๆที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ

ทั้งนี้ การลงทุนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจทั้งภาคการผลิตที่อยู่เหนือระดับ 50 และไม่ใช่ภาคการผลิต(เฉพาะมิ.ย.ปรับลดลงจากกลุ่มก่อสร้าง) ส่วนภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ปรับดีขึ้นจากการผลิตเหล็กและยานยนต์

ด้านรายจ่ายของภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัว 5.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายประจำหดตัว 6.6%ตามการเบิกจ่ายงบกลาง(จากฐานสูงปีก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19) และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนแรงงานภาครัฐหน่วยงานการศึกษาที่เร่งไปก่อนหน้า  สำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนรัฐบาลกลางก็หดตัว3.6% ตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานคมนาคมและชลประทานที่เร่งเบิกจ่ายไปก่อนหน้าแล้วการลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว 34.7% ตามการเบิกจ่ายโครงการลงทุนด้านพลังงานเป็นสำคัญ

ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.-ไตรมาสที่2ปี2566ท่องเที่ยวหนุน

ในส่วนของเสถียรภาพของเศรษฐกิจ  พบว่า ตลาดแรงงานทั้งเดือนมิ.ย.และไตรมาสที่ 2 ยังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  ส่วนผู้รับสิทธิว่างงานรายใหม่ภาพรวมปรับลดลง  แต่ยังต้องติดตามการจ้างงานในภาคการผลิตอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปรากฎการณ์ของแอลนิโญที่อาจส่งผลต่อภาคเกษตร  และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในภาคนี้

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.23%  ปรับลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 0.53% โดยมาจาก 2ส่วนคือ  อัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสด ที่ปรับลดลงจากราคาเนื้อหมู  (มีปริมาณออกมามากขึ้น) และราคาผักสด  แต่ราคาผักสดยังมีความเสี่ยงจากภัยแล้ง

สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลง มาอยู่ที่ 1.32% จากเดือนพ.ค.อยู่ที่  1.55%  จากผลของฐานสูงก่อนหน้าของราคาอาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร ส่วนอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงาน ใกล้เคียงกับเดือนพ.ค.แม้ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในพ.ค. แต่ราคาน้ำมันขายปลีกปรับลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน และราคาในประเทศปรับลดตามราคาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับเดือนก่อนจะเพิ่มขึ้น 0.7%ขณะดัชนีราคาผู้บริโภคที่เป็นพื้นฐานยัง “ทรงตัว” สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส2 อยู่ที่  1.14%  ปรับลดลงจาก 3.88%เมื่อเดือนพ.ค. จากเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงมาอยู่ที่ 1.51% จากผลของฐานที่สูงและราคาเครื่องประกอบอาหารที่ลดลงจากไตรมาสก่อน

ด้านเสถียรภาพต่างประเทศ พบว่า  ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.เกินดุลที่ 1.4พันล้านดอลลาร์ เทียบจากขาดดุล 2.8พันล้านดอลลาร์เดือนก่อน  ซึ่งมาจาก 2องค์ประกอบ คือ 1.ดุลการค้าเดือนมิ.ย.ปรับดีขึ้น และการนำเข้าปรับลด และ 2.ดุลรายได้ บริการและเงินโอนขาดดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้า

โดยดุลรายได้ บริการและเงินโอน จากการที่ค่าใช้จ่ายด้านทรัพย์สินทางปัญญาลดลงเพราะเร่งไปในช่วงก่อนหน้าและรายจ่ายค่าระวางเรือที่ปรับลดลง และการส่งกลับกำไรของธุรกิจต่างประเทศที่ทยอยลดลงในช่วงท้ายของการจ่ายปันผล

ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลที่ 1.9พันล้านดอลลาร์จากไตรมาสแรกเกินดุลที่ 3.5พันล้านดอลลาร์  จากการส่งกลับกำไรและรายรับด้านการท่องเที่ยวที่ปรับลดลงตามฤดูกาล   ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลลดลงจากการนำเข้าน้ำมันและทองคำเพิ่มขึ้น

สำหรับค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเดือนมิ.ย.เฉลี่ย “อ่อนค่าลง”จากการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของสหรัฐ หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ ทำให้เงินดอลลาร์ “แข็งค่า” ขณะเดียวกันแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย

ขณะที่เดือนก.ค.ข้อมูลถึงวันที่  25 ก.ค.เงินบาทเฉลี่ยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามการปรับลดการคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมามีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ดัชนีค่าเงินทรงตัวใกล้เคียงกับมิ.ย.

 

นางสาวชญาวดีกล่าวเพิ่มเติมว่า มองไปข้างหน้าเครื่องชี้ระยะต่อไป การท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ   ส่วนการส่งออกน่าจะ “ทรงตัว” จากอุปสงค์ต่างประเทศแนวโน้มน่าจะทรงตัวตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่น่าจะทรงตัวไปอีกระยะหนึ่ง  แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นปลายปีตามวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าจะกลับมา

ขณะที่ผลสำรวจผู้ประกอบการดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค. ปรับลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ เช่น ด้านคำสั่งซื้อ  การผลิต    ผลประกอบการ  โดยหากแยกเป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำการผลิตภาคอุตสาหกรรม กับ ที่ไม่ใช่กลุ่มการผลิตภาคอุตสาหกรรม พบว่า กลุ่มการผลิตจะลดลง ทั้งยานยนต์  เหล็ก  เคมี  ปิโตรเลียม  ยางและพลาสติก  ในขณะที่ความเชื่อมั่นที่ไม่ใช่ในกลุ่มการผลิตภาคอุตฯปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน เกือบทุกหมวดธุรกิจ ยกเว้นก่อสร้าง