LH BANK กางแผน 5ปีดันพอร์ตสินเชื่อดิจิทัล"Happy Cash" แตะ2หมื่นล้าน

07 มี.ค. 2566 | 23:35 น.

LH BANK กางแผน 5ปีดันพอร์ตสินเชื่อดิจิทัล"Happy Cash" แตะ2หมื่นล้านพร้อมปรับสมดุลสัดส่วนสินเชื่อ-ดันพอร์ตรายย่อยเพิ่มเป็น30%

อัพเดตสินเชื่อออนไลน์ (Digital Lending) ภายใต้ชื่อ "Happy Cash"ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH BANK ซึ่งอยู่ในช่วงทดลองทำตลาด โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวและพนักงานประจำที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000-50,000บาทต่อเดือนนั้น

 

นายเคลวิน ฟู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้ารายย่อย ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH BANK กล่าวว่า ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ธนาคารจะเริ่มให้บริการปล่อยสินเชื่อ "Happy Cash"เต็มรูปแบบภายในไตรมาส3ปีนี้  โดยที่ผ่านมาธนาคารได้ทดลองตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว

 

"แฮปปี้ แคช" เน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป  วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 5เท่าของรายได้ คิดดอกเบี้ยในอัตราตั้งแต่ 20 - 22 % ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 3 ปี หรือ ส่วนวงเงินกู้ต่อรายอยู่ที่ 1-2แสนบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะขยายพอร์ตสินเชื่อได้ประมาณ 1,500-2,000ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าได้รับอนุมัติแล้วจะโอนเงินเข้าบัญชีของลูกค้าไว้ใช้จ่ายตามความต้องการโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน

"เราเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะการเข้าถึงวงเงินที่ง่ายและสะดวกซึ่งหวังว่า แฮปปี้แคชจะเป็นอีกหนึ่งโปรดักต์ที่ทำให้ธนาคารขยายพื้นที่สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น  และหากภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยไม่เกิดเหตุที่คาดไม่ถึงมีโอกาสที่จะเห็นพอร์ตสินเชื่อแอปปี้แคชแตะ 15,000-20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี"

ในแง่ของการบริหารความเสี่ยงนั้น นอกจากการอิงฐานข้อมูลประวัติทางการเงินของลูกค้าจากบริษัทเครดิตบูโร ยังกำหนดเครดิตสกอริ่ง (Credit Score) ของธนาคารขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้   ประกอบการพิจารณาอนุมัติด้วย  ซึ่งผู้ถือหุ้นหลักของธนาคารคือ CTBCก็มีประสบการณ์จากการทำตลาดทั้งไต้หวัน และสิงคโปร์มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม  กรณีที่ลูกค้ามีรายได้ต่ำกว่า 30,000บาทต่อเดือนนั้น ธนาคารจัดให้มีโปรแกรมคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงและระยะเวลาการผ่อนชำระเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง

อนึ่ง ภายใต้แผนธุรกิจในระยะ 5ปีระหว่างปี 2566-2570 นั้น LH BANK กำหนดเป้าหมายจะปรับพอร์ตสินเชื่อให้มีความสมดุลมากขึ้น โดยสินเชื่อรายใหญ่จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 35% ของพอร์ตสินเชื่อรวม   ,สินเชื่อเอสเอ็มอีอีก 35%และสินเชื่อรายย่อย 30%