บล.กสิกรไทย หั่น EPS ลง 5-8% เตือนระมัดระวัง อย่าไล่ตามราคา

06 ก.พ. 2566 | 00:43 น.

บล.กสิกรไทย หั่น EPS ลง 5-8% แต่คงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 66 ที่ 1,768 จุด มองตลาดเคลื่อนเร็วเสี่ยงเกินกว่าจะไล่ตาม อัพไซด์จำกัด เฟดยังเข้มนโยบายการเงิน เหตุอัตราว่างงานต่ำ

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย หรือ KS ระบุว่าได้ปรับประมาณการ market EPS ปี 2566-68 ลง 5-8% เป็น 100 บาท/104 บาท/108 บาท ตามการปรับฐาน market EPS ของ Bloomberg ครั้งล่าสุด ซึ่งปรับ market EPS ปี 2565-67 ลง 9% ขณะที่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังต่อตลาดหุ้นไทย 

เป้าหมาย SET Index ปี 2566 ยังคงเหมือนเดิมอยู่ที่ 1,768 จุด ซึ่งอิงจาก market EPS ปี 2567 ที่ 17 เท่า ที่ 104 บาท (ประมาณ +0.5SD) ปัจจุบัน SET Index ซื้อขายอิงตาม PER ของตลาดปี 2567 ที่ 15.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย

 

เปลี่ยนแปลงหุ้นเด่น

บล.กสิกรไทย ได้สลับหุ้นเด่น โดยตัด ADVANC (+5.6% ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.) BCP (+18%) และ TEGH (+35.6%) และแทนที่ด้วย BLA เนื่องจากเรามองเห็นเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ของไทยอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 2.5% จาก 3%+ เมื่อปีที่แล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยมักจะมีลักษณะชันขึ้น (positive yield curve) ซึ่งแตกต่างจาก yield curve ของสหรัฐฯ 

 

ดังนั้น จึงมองว่านับจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี จะมีฐานที่ต่ำและได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในปี 2566 (มุมมองของเรา: ปรับขึ้นอีก 25bp เป็น 1.75%) ในเดือน ธ.ค. หุ้นเด่นของเราให้ผลตอบแทนที่ 7.6% เทียบกับ 3.6% ของ SET Index 

 

แนะ 6 ธีมการลงทุนล่าสุด

  • กลุ่มป้องกันความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์: PRM
  • กลุ่มป้องกันความเสี่ยงด้านวัฎจักร NPL ภายในประเทศ: BAM
  • กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น: KTB
  • กลุ่มที่ได้ประโยน์จากการฟื้นตัวแบบ K-shape: SC (ผู้เล่นในประเทศ) และ AAI (ผู้เล่นกลุ่มส่งออก)
  • กลุ่มเปิดประเทศ: CPN CRC BDMS และ MINT
  • กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ลดลง: BLA

ทั้งนี้ ผลกระทบเชิงบวกจากการที่จีนเปิดประเทศอีกครั้ง ยังคงสนับสนุนธีมการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวแบบ K-shape และการเปิดประเทศอีกครั้ง เงินเก็บของชาวจีนที่มีเหลือค่อนข้างมากจะส่งผลให้การท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยไทยจะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์หลัก แนวโน้มเชิงบวกนี้มีความเป็นไปได้สูง ไม่ว่า Fed Pivot จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม

 

บล.กสิกรไทย หั่น EPS ลง 5-8% เตือนระมัดระวัง อย่าไล่ตามราคา

 

เตือนอย่าไล่ตามตลาด 

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ขณะนี้ตลาดเคลื่อนไหวเร็วเกินไปในแง่ของปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นหลัก จึงมองว่ามีเสี่ยงไปที่จะไล่ตาม หลังจากการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐฯ ชะลอตัวในเดือน ธ.ค.เป็น 4.6% YoY จาก 4.8% ในเดือน พ.ย. และสูงสุดที่ 5.6% ในเดือน มี.ค.2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยทำผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากโอกาสที่จะเกิดการกลับทิศนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed Pivot) ซึ่งหุ้นการเติบโตของหุ้นทั่วโลกมีการดำเนินงานทำผลงานได้ดี 

สำหรับตลาดหุ้นไทย หุ้นกลุ่ม non-banks และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำผลงานได้ไม่ค่อยดี กลับมาได้ดี เรามองว่าตลาดตอบรับกับความคาดหวัง Fed pivot ไปมากแล้วและขึ้นไม่ได้อีกมากจากนี้ แม้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 25bp ในการประชุมเดือน ก.พ. นี้ เราคิดว่าเฟดจะยังคงใช้ความ hawkish ในเชิงนโยบายการเงิน ด้วยที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานที่ต่ำมากที่ 3.5%