เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นอีก

02 กุมภาพันธ์ 2566

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกของปีนี้ที่อัตรา 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75%

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวานนี้ (1 ก.พ.)ตามคาด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565         

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ถึงแม้เงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้เฟดมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยต่อไป

แถลงการณ๋ดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยไม่มีการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการสิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด

ส่องไทม์ไลน์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ในปีที่ผ่านมา (2565) เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 7 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ณ สิ้นปี 

โดยในเชิงสถิติพบว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้งของเฟดเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมา มีการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราแรง 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง คือในเดือนมิ.ย., ก.ค., ก.ย. และ พ.ย.

จากนั้น จึงชะลอด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในเดือนธ.ค.โดยไทม์ไลน์ในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดตลอดทั้งปี 2565 เป็นดังนี้

  • วันที่ 25-26 ม.ค.     คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% 
  • วันที่ 15-16 มี.ค.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.25-0.50%
  • วันที่ 3-4 พ.ค.        ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 0.75-1.00%
  • วันที่ 14-15 มิ.ย.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 1.50-1.75%
  • วันที่ 26-27 ก.ค.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50%
  • วันที่ 20-21 ก.ย.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.00-3.25%
  • วันที่ 1-2 พ.ย.        ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00%
  • วันที่ 13-14 ธ.ค.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50%

การประชุมครั้งแรกของปี 2566 (31 ม.ค. ถึง 1 ก.พ.) ซึ่งเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น อีก 0.25% จึงทำให้ดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นมาสู่ระดับ 4.50-4.75%