เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์

25 พ.ย. 2565 | 12:12 น.

เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงก่อนปิดตลาดในประเทศ ตามทิศทางค่าเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ

เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงแรก เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังคงถูกกดดันจากบันทึกการประชุมเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอขนาดการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธ.ค. ที่จะถึงนี้ 

อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงก่อนปิดตลาดในประเทศ ตามทิศทางค่าเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ

 

ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินจากที่ประชุมกนง. รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วงปลายเดือนพ.ย.

สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทย 197.61 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,655 ล้านบาท 

 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยธปท. อยู่ที่ -32.32 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -29.24 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) 


สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 28พ.ย.2ธ.ค.2565  คาดไว้ที่ 35.25-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟด ผลการประชุมกนง. รายงานเศรษฐกิจการเงินและข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนต.ค.

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนต.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 (prelim.) และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการเดือนพ.ย. ของจีน ทิศทางสกุลเงินเอเชียและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายด้วยเช่นกัน