นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงแผนปีหน้า โดยระบุว่า เบื้องต้นบริษัทเตรียมลงประมาณสำหรับการลงทุนไว้จำนวน 2,000ล้านบาท
โดยมีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มใน 3ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์ม และธุรกิจเทคโนโลยี่เกี่ยวกับประกันภัย และบริษัทประกันภัย เพื่อขยายธุรกิจประกันภัยตะกาฟุล โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการเข้าลงทุนประมาณกลางปี2566
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือนันแบงก์ และ ธุรกิจประกันวินาศภัยนั้น โดยในส่วนของ บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทดลองระบบปล่อยกู้ภายในเดือนพ.ย.นี้โดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายเป็นวงเงิน แต่กำหนดขยายบริการให้ลูกค้าจำนวน 100ราย
โดยปี2566 ตั้งเป้าขยายฐานเงินกู้ไว้ที่ 10,000ล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มจะเกินเป้าดังกล่าว เพราะบริษัทใช้ธนาคารออมสินเป็นโชว์รูมพร้อมเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนจึงเห็นโอกาสคนอยากใช้บริการค่อนข้างมาก ส่วนความคาดหวังในเชิงธุรกิจบริษัทควรจะมีความสารถในการทำกำไรนับตั้งแต่ปีแรกที่เปิดให้บริการ
ขณะเดียวกันในส่วนของบริษัท เอราวัณประกันภัยนั้น เจตนาหลักคือ ให้บริการในรูปแบบดิจิทัลประกันภัย ภายใต้ชื่อ Insur Verse เน้นให้บริการกรมธรรม์ประกันภัยบุคคล(Personal Life) ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งประกันภัยอุบัติส่วนบุคคล สุขภาพ รถยนต์ อัคคีภัย บ้าน และสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
คาดว่าจะเปิดให้บริการวันที่ 12 เดือนธันวาคม 2565 โดย “ Insur Verse ” ขณะนี้กำลังปรับโครงสร้างภายในองค์กร รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อประกอบธุรกิจดิจิทัลประกันภัย (Pure Digital) แห่งแรกในประเทศไทย
“ เราตั้งเป้า อินชัวร์เวิร์สจะมีส่วนแบ่งเบี้ยรับประมาณ 50%ของเบี้ย 32,000ล้านบาท และคาดหวังดิจิทัลประกันภัยมีส่วนแบ่งตลาด 50%ของพอร์ตรวมของตลาดและหวังจะตลาด Cross border กับประเทศในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต”
นายสมพร กล่าวถึงแนวทางดำเนินธุรกิจปีนี้ว่า คาดว่าบริษัทจะสามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมแตะ 3 หมื่นล้านบาทคิดเป็นการเติบโตในอัตราเกือบ 20% จากปีก่อน โดยงวด 9 เดือนแรกของปีนี้
บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมแล้ว 21,790.15 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโต 43.51% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโต 24.95% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโต 23.65% และ เบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโต 4.87%
" ผลประกอบการปีนี้มั่นใจว่าจะดีกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะหมดภาระค่าสินไหมประกันภัยโควิดข19 และไตรมาส4 ปกติจะสร้างเบี้ยได้สูงอยู่แล้วดังนั้นแนวโน้มเรายังเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาส3 ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งเบี้ยประกันรับ และความสามารถในการทำกำไร”