วงเสวนาสินทรัพย์ดิจิทัล ชี้บิตคอยน์ยังมีอนาคตเเนะศึกษาก่อนเสี่ยง

02 ก.ย. 2565 | 07:25 น.

วงเสวนาสินทรัพย์ดิจิทัล มองบิตคอยน์ยังมีอนาคต เเนะเมื่อเข้ามาลงทุนแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะออกไปได้อย่างไม่เจ็บตัว ชี้โอกาสย่อมมาคู่กับความเสี่ยง

นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และ ผู้ก่อตั้ง Bitcast ได้ให้มุมมองไว้ว่าประเทศไทยได้มีการออกพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยมีการแบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการใช้งานและสิทธิของผู้ถือ ได้แก่ Investment Token หรือ ดิจิทัลโทเคนเพื่อใช้ในการลงทุน และ Utility Token เพื่อให้ผู้ถือสินทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์จากการถือดิจิทัลโทเคน ซึ่งก็สามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งแบบพร้อมใช้ และ ไม่พร้อมใช้

 

นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และ ผู้ก่อตั้ง Bitcast กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีอีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว หรือ NFT (Non-Fungible Token) หมายความว่าจะเป็นการผลิตขึ้นมาเพียงแค่ชิ้นเดียวในโลก มีความแตกต่าง โดยไม่สามารถแบ่งแยกหรือผลิตซ้ำกันได้ เป็นเหมือนเอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของบนโลกบล็อกเชน
 

"Bitcoin เกิดขึ้นในช่วงปี 2008 และทุก 4 ปี จะเกิดปรากฏการณ์ Halving Cycle ซึ่งเกิดจากการฝังชุดคำสั่งโดยกำหนดให้รางวัลจากการขุดลดลงครึ่งหนึ่งในทุก 210,000 บล็อก ในขณะที่ Supply มีจำนวนน้อยลง แต่ Demand กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ราคาของ Bitcoin มีการปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อดูกราฟราคา Bitcoin ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีทิศทางพุ่งทะยานขึ้นโดยมีช่วงชะลอตัวเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า Bitcoin มีการ Recovering ตัวเองได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่น ๆ"

 

นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และ ผู้ก่อตั้ง Bitcast กล่าวว่า ส่วนปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับบิตคอย์นบางตัวในตอนนี้นั้น สิ่งที่ดีกว่าการคิดหาทางแก้ให้กับปัญหา คือการตั้งคำถามให้กับปัญหาเหล่านั้นก่อน และมีมุมมองว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับตลาดทุน แต่การผันผวนของราคากลับบีบคั้นหัวใจกว่ามาก หากเรามีการหาความรู้เพิ่มเติมและมีการวางแผนที่ดี จะนำมาซึ่งผลที่ดีตามมาด้วย เราจะต้องมีเกณฑ์ในการลงทุนของตัวเอง และหมั่นทบทวนอยู่เสมอท่ามกลางการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวน ซึ่งสถานการณ์ต่าง ๆ จะเป็นโอกาสพิสูจน์ให้เห็นว่าใครที่เป็นตัวจริง ดังเช่นในช่วงที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ในช่วงแห่กันระดมทุน ICO (Initial Coin Offering) มีโปรเจกต์เพียง 5% เท่านั้นที่เหลือรอด พร้อมเติบโตในตลาดแห่งนี้ต่อไป
 

ธรรมชาติของสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือ NFT มักจะเติบโตด้วยการเล่าเรื่องราวและมีม (Meme) เพื่อให้เกิดกระแสความสนใจในสินทรัพย์ ดังนั้นจึงมีอีกข้อคิดสำหรับคนที่สนใจการลงทุนในตลาดนี้คือ เมื่อเข้ามาแล้วต้องเรียนรู้ที่จะออกไปได้อย่างไม่เจ็บตัว เพราะโอกาสมาคู่กับความเสี่ยง


นายโดม เจริญยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โดมคลาวด์ จำกัด ให้ข้อมูลด้วยความก้ำกึ่งของรูปแบบสินทรัพย์ที่เป็นข้อถกเถียงกันในกลุ่มนักลงทุนว่า NFT ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่นั้น  ก่อนอื่นนักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่าทุกอย่างที่อยู่บนบล็อกเชน (บางคนเรียกว่า On Chain) ถูกนับว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะมาในรูปแบบโทเคน หรือ บัตรกำนัล (Voucher) ก็ตาม แต่ยังมีข้อสังเกตสำหรับ NFT โดยเราอาจจะต้องดูจุดประสงค์ของการใช้มากกว่าจะประเมินจากวิธีสร้าง เช่น หาก NFT ชิ้นใดเป็นเพียงไฟล์ภาพ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ถ้าหาก NFT ชิ้นนั้นมีสิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนลด บัตรผ่าน หรือ การแลกของกำนัล ก็ถือได้ว่า NFT ชิ้นนั้นเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลทันที

 

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เจ้าของที่แท้จริงของ NFT ไม่ใช่แค่ผู้สร้าง แต่คือ Community หรือกลุ่มผู้ที่สนใจและถือครองสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนใน NFT กับการลงทุนเหรียญอื่น ๆ แม้จะมีสภาพคล่องต่ำและเปลี่ยนมือได้ยาก แต่จุดแข็งของ NFT คือการมี Marketplace ซึ่งเป็นเหมือนตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT โดยเฉพาะ ที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่ม Community และมองว่าในอนาคต NFT ที่ดี จะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถต่อยอดและเป็นประโยชน์มหาศาลในเชิงธุรกิจเหรียญสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ในตลาด ที่มีปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ที่ดี มูลค่าก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ การลงทุนใน NFT ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มี Community ที่แข็งแกร่ง สิทธิประโยชน์หลากหลายแก่ผู้ที่ถือครอง ราคาก็สามารถไปต่อได้เช่นเดียวกัน