จับตาทุนต่างชาติทะลักหุ้นไทย สิ้นปีแตะ 1.8 แสนล้าน

01 ก.ย. 2565 | 12:13 น.

ตลาดจับตา กระแสเงินทุนต่างชาติช่วง 4 เดือนที่เหลือ หลัง 8 เดือนแรกทะลักหุ้นไทย 1.7 แสนล้านบาทสูงเป็นประวัติศาสตร์ แต่ไหลออกตลาดบอนด์ 1.4 หมื่นล้านบาท เหตุทำกำไรน้อยจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น “ยูโอบี-กสิกรไทย”คาดสิ้นปีต่างชาติถือหุ้นสะสม 1.8 แสนล้านบาท

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินแต่ละสกุลต่างอ่อนค่าลงทั้งสิ้น โดยช่วง 8 เดือนของปี 2565 เงินบาทอ่อนค่าลงแล้ว 7.3% ขณะที่สถานการณ์การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงเดียวกัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 1.7 แสนล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสิ้นปีก่อนที่ไหลออกสุทธิ 4.85 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีเงินขายออกสุทธิ 1.4 หมื่นล้านบาทจากตลาดพันธบัตร(บอนด์) เทียบจากปีก่อนที่ไหลเข้าสุทธิถึง 1.41 แสนล้านบาท

 

นางสาวกาญจน โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันฟันด์โฟลว์ยังคงสะท้อนเงินทุนไหลเข้าสุทธิ ไม่สอดคล้องกับทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งน่าจะมีผลจากตลาดพันธบัตร เนื่องจากดอกเบี้ยของสหรัฐฯขยับทิ้งห่างจากดอกเบี้ยไทย เห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติทยอยขายบอนด์สุทธิ  ขณะที่ฟันด์โฟล์ไหลเข้าตลาดหุ้นจำนวนมาก จากที่เงินทุนไหลออกต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

นางสาวกาญจน โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

“ฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมา แต่ถ้าดูเฉพาะตลาดบอนด์ จะเห็นว่าทยอยไหลออกไป อาจเพราะดอกเบี้ยนโยบายที่แตกต่างกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงทำกำไรได้น้อย พอบอนด์หมดอายุจึงทยอยขายออกไป เพราะตลาดอื่นให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจกว่า”

 

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะมีเงินไหลออกจากตลาดบอนด์มากกว่า โดยมองว่า สิ้นปีนี้จะเห็นเงินทุนไหลออกราว 1 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือไม่น่าจะมีเพิ่มมากจนกว่าจะเห็นดอลลาร์กลับลงไปอ่อนค่าได้ ซึ่งสิ้นปีมองว่า มีโอกาสเห็นฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยสะสมรวม 1.6-1.8 แสนล้านบาทจากที่ผ่านมาตอนนี้เข้ามาแล้ว 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งยังขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยนอยู่

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย)

ทั้งนี้มองอัตราผลตอบพันธบัตร 10 ปี (Bond Yield) ของทั้งไทยและสหรัฐขึ้นไปได้ถึง 3.5% และ 3.3% เงินบาทปิดสิ้นปีที่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวกรอบ 1,580-1,680 จุด

 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทยกล่าวว่า สาเหตุหลักที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้านั้น ส่วนใหญ่มาจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศของไทย จึงเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้นต่อเนื่อง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทย

ประกอบกับโครงสร้างหุ้นไทยที่มีน้ำหนักมากในกลุ่มพลังงาน กลุ่มการเงิน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเทขายหุ้น Tech หรือหุ้น Growth ฉะนั้นจังหวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น คนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นไทยยังทำกำไรได้ โดยรวมหุ้นไทยมีความโดดเด่นกว่าตลาดอื่นหากเทียบกับตลาดอื่นในช่วงที่ผ่านมา

 

ส่วนตลาดบอนด์นั้น เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จึงเห็นการลงทุนในตลาดบอนด์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติรอจังหวะ Bond Yield ของไทยปรับตัวสูงขึ้นค่อยทยอยเข้ามาซื้อ จึงเห็นโฟลว์ลักษณะนี้เข้ามาทั้งตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ เหมือนที่ธปท.ระบุว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะมีผลเงินไหลออก

 

“ฟันด์โฟลว์ต้นปีไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเยอะมาก 1.7 แสนล้านบาท และแนวโน้มยังมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติยังเข้ามาซื้อหุ้นรายตัว รายกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหรือการกลับมาของการท่องเที่ยว” นายพูนกล่าว

จับตาทุนต่างชาติทะลักหุ้นไทย สิ้นปีแตะ 1.8 แสนล้าน

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ราคาจะปรับลด แต่แนวโน้มราคาไม่น่าจะปรับลดลงมาก เพราะฉะนั้นเปิดประเทศ เศรษฐกิจฟื้นหรือกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่แนวโน้มช่วงที่เหลืออาจจะมีเข้ามาลงทุนระดับหนึ่ง แต่ไม่น่าจะเกิน 1 แสนล้านบาทเพราะช่วง 8 เดือนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมากแล้ว อีกทั้งราคาหุ้นไทยปรับมาระดับหนึ่งแล้วและส่วนหนึ่งยังมีคู่แข่ง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติอาจเข้าไปลงทุนในเวียดนามด้วย

 

ในแง่ของเงินบาทที่อ่อนค่าลง ปัจจัยหลักมาจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่ามากกว่าที่คาดไว้ ส่วนตัวมองว่า ถ้าไม่มีฟันด์โฟลว์ เงินบาทอาจจะอ่อนค่าหนักเหมือนประเทศอื่น ส่วนฟันด์โฟลว์เป็นปัจจัยที่ถ่วงให้เงินบาทไม่อ่อนค่าไปถึง 38-39 บาท/ดอลลาร์ แต่เงินบาทยังเคลื่อนไหวระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ แม้ดอลลาร์แข็งค่าก็ตาม ฟันด์โฟลว์ยังทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดดูดีขึ้น โดยเริ่มขาดดุลน้อยลง

 

“ช่วงที่เหลือฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มจะไหลเข้าอีก แต่ไม่มากเท่า 8 เดือนที่ผ่านมา ด้วย Valuation และ Sentiment ตลาดหุ้นอาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฟันด์โฟลว์อาจจะเข้ามาชดเชยในตลาดบอนด์บ้านเรา ถ้าธปท.ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นโอกาสนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนบอนด์อายุยาวขึ้น

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,814 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2565