Bitcoin คริปโต ราคาผันผวนหนัก แนะรอลงทุนขาลงสุด

20 มิ.ย. 2565 | 03:55 น.

ราคา Bitcoin ตลาดคริปโต เข้ายุคตลาดหมี หลายปัญหารุมเร้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโลกผันผวนหนัก ซิปเม็กซ์ เชื่อสถานการณ์คลี่คลายไม่กี่เดือนข้างหน้า แนะกระจายความเสี่ยงลงทุน ส่วนสตางค์ฯ ชี้ควรรอจังหวะลงทุนช่วงขาลงใน 2-3 เดือนข้างหน้า

กรณีราคาบิทคอยน์(Bitcoin) หรือ BTC รวมไปถึงคริปโตเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆของโลกที่ผันผวนอย่างหนัก นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าความผันผวนของตลาดคริปโตขณะนี้ มาจากหลายสาเหตุ โดย ตามสถิติปีนี้ถึงรอบ (Cycle) ของตลาดขาลง (Bear Market)

โดยราคาของ BTC ช่วง 2557 และ 2561 ตกลงถึง 80% จากจุดพีค แต่ราคา BTC ขณะนี้ลงมา 65% จากจุคพีคในตลาดขาขึ้นเท่านั้น

นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย)

อย่างไรก็ตามปีนี้มีปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลกถดถอยเข้ามาแทรกซ้อนด้วย อย่างปัญหารัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันขึ้นสูงมาก ขณะที่ล่าสุด FED ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

“มองว่าความผันผวนอีกไม่กี่เดือนน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะแนวทางของปัญหารัสเซีย-ยูเครนจะชัดเจนขึ้น เรื่องน้ำมันจะชัดเจนแล้ว ทาง FED พยายามสกัดเงินเฟ้อด้วยดอกเบี้ย แต่จริงๆ มองว่าปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ต้องแก้ที่ปัญหารัสเซีย-ยูเครน เพราะสุดท้ายแล้วการขึ้นราคาของน้ำมันเป็นปัจจัยหลักที่กระทบเศรษฐกิจจนเกิดเงินเฟ้อ เพราะการอุปโภค-บริโภคแทบทุกอย่างในชีวิตประจำวันมีต้นทุนของน้ำมัน น้ำมันเป็น 60% ของ CPI ส่วนเรื่องความผันผวนของคริปโต ตอนนี้เอง BTC ซึ่งเป็นเหรียญนำตลาดอยู่ที่แนวรับสำคัญเพื่อ consolidation ที่ 22,000 ดอลลาร์ พักฐานอยู่ จะลงไปมากกว่านี้ก็ไม่น่ามากแล้ว”

สำหรับการลงทุนในช่วงตลาดขาลง และมีความผันผวนนั้น แน่นอนว่าการลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost-Averaging) เพื่อกระจายเฉลี่ยการลงทุนเป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม  เช่น อาจจะมีการลงทุนในเหรียญใหญ่มากขึ้นอย่าง BTC ETH และอาจจะมีการฝากเงินเพื่อได้ดอกเบี้ยมากขึ้น คนควรจะถือเงินสดเพิ่ม เพื่อเผื่อเจอจังหวะโอกาสแล้วมีเงินเข้าซื้อ

ที่สำคัญช่วงนี้พยายามอย่าเทรดบน Future เพราะมีโอกาสโดน short sqeeze และ force sell ได้อย่างง่ายดาย เพราะขึ้นลงผันผวนมาก

นายเอกลาภ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับปริมาณการเทรดคริปโตบนกระดานซิปเม็กซ์ช่วงนี้นั้นมีปริมาณลดลงแต่ก็ยังมีการซื้อขายอยู่ โดยลดลงไม่มาก เพราะถึงเหรียญจะมีราคาลงมา คนก็ซื้อขายได้เพราะคริปโต มีการผันผวนให้สามารถเกิดการเทรดได้ตลอด

อย่าง BTC ถ้าเขาซื้อตอน 700,000 บาทก็ขายตอนจังหวะผันผวนกลับมาที่ 800,000 บาท เราก็ได้ค่าธรรมเนียมจากการเทรด แต่ก็ด้วยสภาพการณ์ตลาดก็ต้องมีลูกค้าที่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือขาดทุนจนปริมาณซื้อขายลดลงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ด้วยธุรกิจ Exchange ตลาดขึ้นลงคนซื้อขายก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา

ด้านนายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งสตางค์ (Satang) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน กล่าวว่า ถ้าจะดูทิศทางของตลาดว่าขึ้นหรือลงนั้นให้ดูที่ 3 ปัจจัยหลักคือ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และ ตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งตอนนี้พูดได้เลยว่าครบทุกองค์ประกอบของตลาดขาลง นั้นคือ FED จะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ในปีนี้ ลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์ ต่อเดือนของ FED ที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายน

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งสตางค์ (Satang)

โดยในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ ดอกเบี้ยสหรัฐจะขึ้นไปสู่ระดับ 2.5-3.0% ในปีนี้ เพื่อสู้กับเงินเฟ้อ เพราะอัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ consumer price index ยังอยู่ที่ 8.3% ซึ่งนับว่าสูงมาก

ส่วนตัวเลขการจ้างงานที่ไม่รวมภาคเกษตร (Non-Farm payroll) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คือถ้ามากกว่า 200,000 คน ต่อเดือนอยู่เสมอในปีนี้ จะทำให้ FED กล้าขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างไร้กังวล เพราะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีความแข็งแกร่งมากพอ และยอมให้ตลาดสินทรัพย์ต่างๆ อยู่ในขาลง

จากสภาพตลาดขณะนี้รวมไปถึงความเชื่อมั่นทางจิตวิทยาที่ลดลงอันเกิดจากการล่มสลายของ LUNA-UST ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโต ลดลงเหลือ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่เคยอยู่จุดสูงสุด 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2564

ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขาย Stablecoin ทั้งหมดในตอนนี้คือ 69.26 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเท่ากับ 87.36% ของปริมาณการซื้อขายรวมในตลาดคริปโตใน 24 ชั่วโมง (26 พ.ค 65) [อ้างอิง: coinmarketcap] ซึ่งอาจมองได้ว่านักลงทุนกำลังใช้ Stablecoin กลุ่มที่มีสินทรัพย์หนุนหลังเป็นที่พักเงิน

ถ้าจะมองหา Safe-Haven ของการลงทุนขณะนี้ ก็อาจเป็นกลุ่ม Stablecoin อย่าง USDC USDT BUSD ซึ่งช่วงนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังแข็งอยู่เมื่อเทียบกับ Bitcoin หรือเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ซึ่งอ่อนลง หรือ GOLD stablecoin ก็น่าสนใจ

อย่าง PAXO GOLD (PAXG) เพราะทองคำ จะกลับมาขึ้น หรือไม่ลงต่อแบบหลายเดือนที่ผ่านมาแล้ว ทองคำขณะนี้ ยืนเหนือ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วกลับมาอยู่ที่ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป้าหมายต่อไปที่ 1,900-1,925 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นไปได้ง่ายทิศทางไป 2,000 $/oz กลับขึ้นไปไม่ยาก เพราะเงินเฟ้อยังสูงอยู่ทั่วโลก

นายสรัล ศิริพันโนน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชัน จำกัด

ส่วนนายสรัล ศิริพันโนน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชัน จำกัด ให้ความเห็นว่า “ตลาดจะกลับมาเมื่อไรนั้นค่อนข้างจะตอบได้ยากเพราะ FED ก็ยังคงขึ้นดอกเบี้ยอยู่ ถ้าในกลุ่มนักลงทุนที่กำลังรอซื้อควรจะรอจังหวะ เพราะตลาดยังเป็นขาลงอีกในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า”

ส่วนในประเด็นของการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลจนถึงสิ้นปี 2566 ของไทยนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าจะช่วยให้ประเทศมีเวลาได้ลองอะไรมากขึ้น แต่อยากเสนอให้รัฐบาลยกเว้นการเก็บภาษีจาการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่ถือครองเกิน 1 ปี เช่นในประเทศเยอรมันนี

นายพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด

นายพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Upbit Thailand)​ ซึ่งประกอบธุรกิจ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล   กล่าวว่า คริปโตทั่วโลกขาลงเข้าสู่ตลาดหมีเต็มตัว ภายหลังอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น  และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 

ทั้งนี้นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน   กลุ่มที่ถือเงินเย็น ควรรอจังหวะเข้าลงทุนเพื่อช้อนเก็บไว้ทำกำไรในอนาคต   ส่วนช่วงขาลงของคริปโตนั้นส่งผลกระทบกับกระดานซื้อขายแน่นอน โดยตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาปริมาณซื้อขายหายไปประมาณ 40-50%