นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานสัมมนางานสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ในหัวข้อ "ทิศทางเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย ไปทางไหน? หลังวิกฤตโควิด-19" ว่า โดยระบุว่า ภาคการเงินยังมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
ได้แก่ การเผชิญกับหน้าผาหนี้เอ็นพีแอล(NPL Cilff ) ก้อนมหาศาลของระบบเศรษฐกิจ ขณะที่สถานการณ์ของโอมิครอนขยายวงออกไปทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นถูกลดทอนลงแม้จะมีแรงส่ง หรือปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และสงครามการค้า แบ่งคลัสเตอร์ระดับภูมิภาคมากขึ้น ไม่ว่าคู่ค้า เทคโนโลยี รวมถึงซัพพลายเชน
ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ(Climate Change) ซึ่งขับเคลื่อนการปฎิรูประบบเศรษฐกิจโลก และความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะช่วงโควิดข19 การได้รับวัคซีนที่ไม่เท่ากัน รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนยังได้รับความบอบซ้ำ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 3.0-4.5% แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 4.0% ก็มีความท้าทายเรื่องเครื่องยนต์ของเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยว อาจไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ซึ่งต้องพึ่งภาครัฐกระตุ้นกว่าภาคเอกชนจะกลับมาเต็มที่ เหล่านี้เป็นความท้าทาย
ต่อข้อถามถึงความเปลี่ยนแปลงธนาคารพาณิชย์นั้น นายผยงระบุว่า ระบบธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐของไทย ซึ่งอยู่คู่กันมาเป็น 100ปี บนโครงสร้างเดิม
ส่วนโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากดิสรัปชั่น และระบบเศรษฐกิจใหม่ รูปแบบการชำระเงินและความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ ซึ่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้หรือความจำเป็นในการใช้เงินทุน
โดยคู่แข่งใหม่ นันแบงก์กับธนาคารมีเส้นแบงก์เริ่มเบลอ ซึ่งอาจนำไปสู่ความไร้ตัวกลาง ดังนั้นประสิทธิภาพของเทคโนโลยี มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ
อย่างไรก็ตามความท้าทาย 4 เรื่องที่ภาคการเงินต้องเผชิญ คือ
ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นโอกาสจากสิ่งที่ดิสรัปหรือ Blue Ocean ใหม่ ๆ อาจจะต้องมีฐานลูกค้านำไปสู่การใช้เทคโนโลยี่ ลงทุนใหม่ ปรับกระบวนการผลิตหรือการให้บริการใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยยนต์ในการเติบโตทั้งสิ้น
ฉะนั้นโอกาสแรก คือ การปฎิรูปหรือทรานฟอร์ม(Digital Transformation) 2. การนำดิจิทัลใหม่ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิผล 3. การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ Green economy สร้างตลาดใหม่ ปรับกระบวนการผลิตในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่เปลี่ยนไป และ 4. การดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการปรับตัวได้
ต่อข้อถามทิศทางระบบธนาคารพาณิชย์นั้น นายผยง ระบุว่า สมาคมธนาคารไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ 3 ปีบน 4 ธีมไว้ ได้แก่
โดยยุทธศาสตร์ทั้ง 4ธีมดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศของธปท.ในการปรับภูมิทัศน์ภาคการเงินไทยโดยยึดโยงกับ 3 Open ได้แก่
นายผยงกล่าวถึงในส่วนของธนาคารกรุงไทยในโลกแห่งอนาคตว่า ด้วยสถานะของกรุงไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของระบบนิเวศน์ กับการเติบโตขององค์กร โดยเป็นเป็น 5แกน คือ 1.จำเป็นต้องรักษาการเติบโตโลกเก่าบน งบดุลของธนาคารและต้องดูแลและช่วยลูกค้าเดินไปสู่โลกใหม่บนธุรกิจหลัก(Core Growth)ที่ยังคงอยู่
2.การหารูปแบบของธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งผู้เล่นใหม่เข้ามา และมูลค่าหุ้นตามบัญชีเฉลี่ย0.7-0.8% ไม่ถึง 1% ขณะที่ นักลงทุนมองความสามารถของระบบธนาคารพาณิชย์จะลดลงจึงต้องสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน ด้วยการหารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
3.การขยายธุรกิจบนระบบนิเวศน์หรือบนEcosystem ที่ยึดโยงบน 5 Ecosystem ได้แก่ ระบบภาครัฐ การชำระเงิน ระบบสุขภาพ ระบบการศึกษา และระบบขนส่งคมนาคม โดยให้ความสำคัญกับการขยายพันธมิตร ต่อยอดระบบนิเวศน์และมีแพลตฟอร์มเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในแต่ละอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันต้องมีธุรกิจใหม่ขึ้นมา
4.การปรับการทำงานภายในองค์กร เร่งลดการใช้กระดาษ หรือไม่มีกระดาษ ซึ่งทุกอย่างจะเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ และเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างข้อมูล ที่เหมาะสม ที่ให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะการแข่งขันบนดิจิทัลต้องเรียลไทม์ และ
5.ตอบโจทย์การเติบโตแบบยั่งยืน ESG และมุ่งสู่ แพลตฟอร์มที่มีอยู่ 4แพลตฟอร์ม “ เป๋าตัง - กรุงไทยเน็ก- ถุงเงิน -กรุงไทยบิสสิเนส ทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์ของกรุงไทยใน 4สเต็ป ตั้งแต่ สร้างแพลตฟอร์ม, จำนวนลูกค้าที่เข้ามาอยู่อย่างเต็มรูปแบบ,ประมวลข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ได้มากขึ้นและสามารถทำรายได้ในที่สุด