กรุงไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตยั่งยืนบนธุรกิจเดิม-ต่อยอดธุรกิจใหม่

25 ก.พ. 2565 | 00:43 น.

"ผยง" ประธานสมาคมไทย ปลุกภาคการเงินฝ่าความท้าทาย-จับโอกาส Blue Ocean ใหม่ ๆ สร้างมูลค่าทางบัญชีด้วยฐานลูกค้า-หาธุรกิจใหม่เรียกเชื่อมั่นนักลงทุนและเติบโตแบบยั่งยืน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานสัมมนางานสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ  ในหัวข้อ "ทิศทางเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย ไปทางไหน? หลังวิกฤตโควิด-19" ว่า  โดยระบุว่า ภาคการเงินยังมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง

 

ได้แก่ การเผชิญกับหน้าผาหนี้เอ็นพีแอล(NPL Cilff ) ก้อนมหาศาลของระบบเศรษฐกิจ  ขณะที่สถานการณ์ของโอมิครอนขยายวงออกไปทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นถูกลดทอนลงแม้จะมีแรงส่ง  หรือปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และสงครามการค้า แบ่งคลัสเตอร์ระดับภูมิภาคมากขึ้น  ไม่ว่าคู่ค้า  เทคโนโลยี  รวมถึงซัพพลายเชน 

 

ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ(Climate  Change)  ซึ่งขับเคลื่อนการปฎิรูประบบเศรษฐกิจโลก และความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะช่วงโควิดข19 การได้รับวัคซีนที่ไม่เท่ากัน รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนยังได้รับความบอบซ้ำ

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 3.0-4.5% แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 4.0% ก็มีความท้าทายเรื่องเครื่องยนต์ของเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยว อาจไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ซึ่งต้องพึ่งภาครัฐกระตุ้นกว่าภาคเอกชนจะกลับมาเต็มที่ เหล่านี้เป็นความท้าทาย

 

ต่อข้อถามถึงความเปลี่ยนแปลงธนาคารพาณิชย์นั้น  นายผยงระบุว่า  ระบบธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐของไทย ซึ่งอยู่คู่กันมาเป็น 100ปี บนโครงสร้างเดิม 

 

ส่วนโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากดิสรัปชั่น และระบบเศรษฐกิจใหม่ รูปแบบการชำระเงินและความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ ซึ่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้หรือความจำเป็นในการใช้เงินทุน

 

โดยคู่แข่งใหม่  นันแบงก์กับธนาคารมีเส้นแบงก์เริ่มเบลอ  ซึ่งอาจนำไปสู่ความไร้ตัวกลาง  ดังนั้นประสิทธิภาพของเทคโนโลยี มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ 

อย่างไรก็ตามความท้าทาย 4 เรื่องที่ภาคการเงินต้องเผชิญ คือ

  1. การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ   ทำให้ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ในการใช้ทรัพยากรหรือสภาพคล่องท ซึ่งเป็นความคาดหวังสังคม 
  2. การลดความเหลื่อมล้ำด้วยเครื่องมือใหม่ให้คนเข้าถึงบริการทางการเงิน ขณะที่ระดับหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% จะดูแลความสามารถในการชำระหนี้อย่างไรไม่ไปกระทบสภาพคล่อง
  3. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  ซึ่งประชากรไทยมีลูกน้อยลง จำนวนประชากรลดลงซึ่งย่อมกระทบ Productivityแน่นอน คำถามจะตอบโจทย์โลกใหม่อย่างไรหรือรักษาความสมดุลระหว่างสังคมผู้สูงอายุที่ต้องใช้เงินในการดูแลสุขภาพ รักษาพยาบาลและตัวบุคคลไม่สามารถสร้างรายได้ในระดับเดิม  เหล่านี้จะสร้างทดแทนคนรุ่นใหม่หรือเพิ่มผลิตภาพได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้  ซึ่งจะกระทบฐานลูกค้าของธนาคาร และ
  4. แรงงานในระบบที่ไม่ถูก Re-Trend เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ของการจ้างงาน หรือหากไม่ปิดช่องโหว่ก็จะเป็นภาระต่อสังคม

 

ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นโอกาสจากสิ่งที่ดิสรัปหรือ Blue Ocean ใหม่ ๆ อาจจะต้องมีฐานลูกค้านำไปสู่การใช้เทคโนโลยี่  ลงทุนใหม่  ปรับกระบวนการผลิตหรือการให้บริการใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยยนต์ในการเติบโตทั้งสิ้น

ฉะนั้นโอกาสแรก คือ การปฎิรูปหรือทรานฟอร์ม(Digital Transformation)   2. การนำดิจิทัลใหม่ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิผล  3. การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ Green economy  สร้างตลาดใหม่ ปรับกระบวนการผลิตในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่เปลี่ยนไป และ 4. การดูแลสุขภาพ  ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการปรับตัวได้

กรุงไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตยั่งยืนบนธุรกิจเดิม-ต่อยอดธุรกิจใหม่

ต่อข้อถามทิศทางระบบธนาคารพาณิชย์นั้น   นายผยง ระบุว่า  สมาคมธนาคารไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ 3 ปีบน 4 ธีมไว้ ได้แก่

  1. การยกระดับศักยภาพในการแข่งขันภาคการเงินของประเทศ  โดยผลักดันร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคเอกชน เช่น สอท. สภาหอการค้า  ส่วนราชการอื่น  หรือสภาการส่งออกและกรมสรรพากร ในการพัฒนาสมาร์ทแอนด์เพย์เม้นต์ซึ่งเป็นการนำระบบISO20022มาใช้กับระบบวางบิล หรือเรียกเก็บเงินโดยใช้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยี่ ซึ่งมีต้นทุนมหาศาลจึงต้องมีแพลตฟอร์มกลางเพื่อมิให้ลงทุนซ้ำซ้อน หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือการยืนยันตัวตัว(NDID) และลายเซ็นต์อิเล็กทรอนิกส์(e signature) รวมถึงระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย รวมไปจนถึงระบบรองรับภัยทางไซเบอร์  เหล่านี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ถ้าลงทุนซ้ำซ้อนจะแพงและตามโลกไม่ทัน จึงต้องให้ความสำคัญต่อการเชื่อมต่อเพื่อยกระดับความสามารถของประเทศ
  2. การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินในภูมิภาค (Regional Championing) การเชื่อมโยงระบบโครงสร้างทางการเงินระหว่างกันในภูมิภาค เป็นพันธมิตรกับเพื่อนบ้านเพื่มเพิ่มศักยภาพในการนำไปสู่ Global Productivity หรือเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยระบบธนาคารพาณิชย์ต้องตอบโจทย์ Regional Championing
  3. การตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม  สังคมและความยั่งยืน(ESG) ไม่ว่าโลกร้อน หรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด์(Net Zero)  ลดความเหลื่อมล้ำหรือการให้ความรู้ทุกภาคส่วน ประชาชน  ผู้ประกอบธุรกิจ  โดยเฉพาะคนตัวเล็กให้สามารถเข้าถึงระบการเงินได้อย่างเท่าเทียม และมีทางเลือก เช่น เร่งนำข้อมูลทางเลือกมาใช้พิจารณากิจกรรมการค้าไม่ใช่เฉพาะหลักฐานทางการเงินเท่านั้น  และ
  4. การให้ความสำคัญด้านทุนมนุษย์หรือทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งต้องสร้างทักษะใหม่ๆ ไม่ว่า  Upskill & Reskill  เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงความร่วมมือกับระบบ ไม่ว่าผ่านทางสภาหอการค้าหรือสอท.  เพื่อตอบโจทย์Human Capital  สร้างEconomic Valued ได้

โดยยุทธศาสตร์ทั้ง 4ธีมดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศของธปท.ในการปรับภูมิทัศน์ภาคการเงินไทยโดยยึดโยงกับ 3 Open ได้แก่ 

  1. Open Infrastructure คือ มีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่เปิดกว้าง ให้ผู้ให้บริการที่หลากหลายสามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม และทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกบริการ Digital ที่ตอบโจทย์มากขึ้น  
  2. Open Data การเชื่อมโยงข้อมูล การนำข้อมูลบนฐานเดียวกันมาใช้ เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางการเงินหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างไร้รอยต่อ และ  
  3. Open Competition ซึ่งจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในระบบ สิ่งที่ต้องขับเคลื่อนต่อไป เพื่อให้มีความยั่งยืนซึ่งการไม่สร้างภาระต่อระบบและสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เท่าเทียมกันในเรื่องกฎกติกา ซึ่งอุตสาหกรรมธนาคารจะถูกกำกับมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง   ระดับการรักษาสภาพคล่อง การให้บริการที่เป็นธรรมหรือมาร์เก็ตคอนดักส์   เสถียรภาพเพื่อมิให้ระบบสะดุด มาตรฐานเหล่านี้ต้องไม่ถูกลดทอนในกระบวนการ ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรม  ซึ่งที่เห็นตรงกันระหว่างธปท.และสมาคม โดยหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการกระทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างไร

นายผยงกล่าวถึงในส่วนของธนาคารกรุงไทยในโลกแห่งอนาคตว่า ด้วยสถานะของกรุงไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของระบบนิเวศน์ กับการเติบโตขององค์กร โดยเป็นเป็น 5แกน คือ  1.จำเป็นต้องรักษาการเติบโตโลกเก่าบน งบดุลของธนาคารและต้องดูแลและช่วยลูกค้าเดินไปสู่โลกใหม่บนธุรกิจหลัก(Core Growth)ที่ยังคงอยู่

 

2.การหารูปแบบของธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งผู้เล่นใหม่เข้ามา และมูลค่าหุ้นตามบัญชีเฉลี่ย0.7-0.8% ไม่ถึง 1% ขณะที่ นักลงทุนมองความสามารถของระบบธนาคารพาณิชย์จะลดลงจึงต้องสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน ด้วยการหารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ

 

3.การขยายธุรกิจบนระบบนิเวศน์หรือบนEcosystem ที่ยึดโยงบน 5 Ecosystem ได้แก่ ระบบภาครัฐ การชำระเงิน  ระบบสุขภาพ  ระบบการศึกษา  และระบบขนส่งคมนาคม โดยให้ความสำคัญกับการขยายพันธมิตร ต่อยอดระบบนิเวศน์และมีแพลตฟอร์มเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในแต่ละอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันต้องมีธุรกิจใหม่ขึ้นมา  

 

4.การปรับการทำงานภายในองค์กร  เร่งลดการใช้กระดาษ หรือไม่มีกระดาษ ซึ่งทุกอย่างจะเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ และเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างข้อมูล ที่เหมาะสม ที่ให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะการแข่งขันบนดิจิทัลต้องเรียลไทม์ และ

 

5.ตอบโจทย์การเติบโตแบบยั่งยืน ESG และมุ่งสู่ แพลตฟอร์มที่มีอยู่ 4แพลตฟอร์ม “ เป๋าตัง - กรุงไทยเน็ก- ถุงเงิน -กรุงไทยบิสสิเนส ทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์ของกรุงไทยใน 4สเต็ป ตั้งแต่ สร้างแพลตฟอร์ม, จำนวนลูกค้าที่เข้ามาอยู่อย่างเต็มรูปแบบ,ประมวลข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ได้มากขึ้นและสามารถทำรายได้ในที่สุด