YGG รุกเทคโนโลยีใหม่ ผนึกพันธมิตรสู่ธุรกิจต้นน้ำ

11 ต.ค. 2564 | 08:47 น.

อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) ประกาศแผนธุรกิจ Level Up รุกเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ที่กำลังเป็นเทรนด์ลูกใหญ่ในตลาดโลก พร้อมยกระดับจับมือกับพันธมิตรสู่ธุรกิจต้นน้ำ หวังสร้างรายได้บริษัทให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ล่าสุดจับมือ “Zookeeper” แพลตฟอร์มยักษ์ร่วมพัฒนาเกมบนบล็อกเชน

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ YGG เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทกำลังก้าวไปสู่ Chapter 2  ภายใต้แผนธุรกิจ “Level up”  โดย Up1 เป็นการผสมผสานธุรกิจหลักที่ YGG มีความถนัดและมีประสบการณ์ ทั้งงานผลิตโฆษณาและภาพยนตร์ (VFX) ธุรกิจด้านภาพยนตร์แอนิเมชั่น รวมทั้งงานด้านเกมและอินโนเวชั่น  อัพเลเวล เข้าสู่เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นเทรนด์ลูกใหญ่ในตลาดโลก เพื่อสร้างรายได้บริษัทให้เติบโตแบบก้าวกระโดด

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

“YGG สามารถตอบโจทย์การมาถึงของเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เงินเหรียญดิจิตอล , AR, VR , MR  ,Digital influencer ซึ่งต้องการ รูปแบบคอนเทนต์สดใหม่ และแตกต่าง พร้อมกับระบบสนับสนุนทั้ง Hardware และTechnology ใหม่ๆ”นายธนัชกล่าว   

ล่าสุดบริษัทประกาศความร่วมมือกับ zookeeper ผู้เป็นแพลตฟอร์ม decentralized บนบล็อกเชน โดย YGG จะเข้าไปสร้างและร่วมพัฒนาเกมให้กับ Zookeeper ซึ่งโมเดลธุรกิจของ Zookeeper จะวางอยู่บนพื้นฐานของตัวโทเคนสกุล $ZOO ซึ่ง การตอบรับที่เหนือความคาดหมาย  ติดTop Trending  Cryptocurrencies ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ  ราคาเหรียญ zoo ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดพร้อมมูลค่าตลาดของเหรียญที่เพิ่มขึ้น และมีการพูดถึงก้าวสำคัญครั้งนี้ตามหน้าสื่อใหญ่ๆ ต่างประเทศ 

 

ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เกมที่ผลิตโดย  YGG ได้รับความสนใจจากผู้เล่นทั่วโลกเพราะเกมได้ทั้งความสนุกและให้ผลตอบแทนด้วยทำให้สามารถดึงผู้เล่นกลุ่มใหม่เข้ามาได้ ภายใต้โมเดลของ Play-to-earn ซึ่งเป็นเทรนด์ใหญ่ของตลาดคริปโตที่กำลังได้รับความสนใจของตลาดเกม NFT  โดยผู้เล่นจะ ได้รับรางวัลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในเกม ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเหรียญคริปโตหรือทรัพยากรในเกมที่เป็นโทเคน

“เราคาดหวังว่า เกมของเราจะช่วยผลักดัน $ZOO ให้มีศักยภาพเทียบเท่า Axie ผู้นำของเกม Play-to-earn ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง ZooKeeper  วางแผนที่จะขยายไปในเชนอื่นๆอีกในอนาคต และทุกๆ การขยายเชน จะมีการเพิ่มเหรียญใหม่เข้าสู่ระบบ ซึ่งนอกเหนือจากค่าจ้างการผลิตเกมแล้ว YGG จะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญใหม่บางส่วน นอกจากนี้ YGG ยังสามารถแบ่งรายได้จากการขายทรัพยากรในเกมและ NFT”นายธนัชกล่าว

 

ส่วน  Up2 บริษัทจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในการสร้างระบบนิเวศ(Ecosystem) เพื่อตอบสนองความต้องการที่เหนือระดับให้ลูกค้า โดยการขึ้นสู่ธุรกิจต้นน้ำ สร้างฐานธุรกิจเพื่อการเติบโตในรูปแบบใหม่ จากปัจจุบันธุรกิจของ YGG  ให้บริการผลิตคอนเทนท์ VFX และ แอนิเมชั่น คุณภาพสูงให้กับตลาดต่างประเทศ และในประเทศ มีผลงานผ่านตามากมาย เช่น Final fantasy Kingglave ,นาจา, Cinematic game ดังอื่นๆ , ผลงานโฆษณา รถยนต์ ยุโรปและ ญี่ปุ่น รวมทั้ง โฆษณาตัวใหญ่ในประเทศอีกหลายตัว  และในอนาคตอันใกล้นี้จะเห็นการ์ตูนและซีรีส์ที่ YGG จับมือ กับพันธมิตร สร้างสรรค์ผลงานระดับโลก

 

ในส่วนธุรกิจเกม YGG ได้ผันตัวจากการรับจ้างผลิตมาต่อยอดทำเกมของตัวเองอย่างเกม Home Sweet Home  Survive มียอดผู้เล่นกว่า 150,000 ราย  รวมทั้งยังมีเกมจ่อคิวในแผนที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เสริมทัพ จนเป็นผู้ผลิตเกมระดับโลก ซึ่งการที่บริษัทเปิดตัวเกมที่บริษัทพัฒนาเองกระแสยังแรงต่อเนื่อง จึงจัดให้มีการแข่งขันเกมภายใต้ชื่อ “Home Sweet Home : Survive Asia tournament 2021” ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งวงการ Esportในประเทศไทย  เพราะเป็นเกมไทยเกมแรกที่ถูกจัดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการและอาจจะเป็นเกมแรกๆของโลกที่มีการให้รางวัลในการแข่งเป็น NFT  ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันในรอบ Grand Final เพื่อหาทีมผู้ชนะ

 

“เส้นทางการเติบโตของYGG ยังมีอีกหลายอย่างที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา เพื่อเตรียมไว้สำหรับโลกอนาคตอันใกล้นี้  และแผนธุรกิจ Level Up  จะเป็นกลไกลขับเคลื่อนบริษัทให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากแผน UP1 ที่ผลักดันให้บริษัทเข้าสู่เทรนด์โลก ด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ขณะที่แผน UP2 ที่ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกขึ้นสู่ธุรกิจต้นน้ำในทุกกลุ่มธุรกิจของ YGG ก็จะเสริมความแข็งแกร่งให้  มีการเติบโตอย่างยั่งยืน”นายธนัชกล่าว