อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทปิดตลาดในประเทศ “แข็งค่า”ที่ระดับ 31.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 31.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ -สัปดาห์หน้าจับตา 3ปัจจัยหลัก “ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดและรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนเม.ย. ของธปท. -สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ -ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทขยับ “แข็งค่าขึ้น”ตามทิศทางค่าเงินหยวนและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยที่ 1,308.92 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1,211 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนจากข้อมูลของธนาคาร 10 แห่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 โดยธปท. อยู่ที่ -0.70 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ 3.58 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าคาดไว้ที่ 31.15-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดและรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนเม.ย. ของธปท. รวมถึงสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุม G-7 สถานการณ์โควิด 19 ในต่างประเทศ และดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษเช่นกัน