เนื่องจากเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการสร้างรายได้ กระทบต่อสถานะทางการเงิน และความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะหากพิจารณาดูแล้ว การที่บุคคลอยู่ในภาวะทุพพลภาพ จนไม่สามารถที่จะทำงานหารายได้ได้ดังเดิม ทั้งยังต้องมีบุคคลที่มาดูแล หรือมีค่าใช้จ่ายในการประคับประคองอาการไปตลอดชีวิต อาจเป็นภาระทางการเงินที่สูงกว่าการที่บุคคลจากไปก่อนวัยอันควรเสียด้วย
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันว่า ภาวะทุพพลภาพเป็นอย่างไร ... ภาวะทุพพลภาพคือ การสูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสียสภาวะปกติของจิตใจ จนไม่สามารถทำงานได้ ทำให้เกิดภาวะด้อยโอกาส หรือหย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติได้ ส่วนภาวะทุพพลภาพระยะยาวคือ การมีสภาพความเจ็บป่วย หรือความบกพร่องทางสุขภาพที่เกิดขึ้นยาวนานกว่าหกเดือน และทำให้ไม่สามารถปฏิบัติกิจอันเป็นปกติได้ ต้องพึ่งพิงผู้อื่น (ข้อมูลจากคณะกรรมการการแพทย์ 2553) โดยอาจมีสาเหตุมาจากการประสบอุบัติเหตุ เช่น รถชน หกล้ม หรือเกิดจากโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง เบาหวาน มะเร็ง หรือเกิดจากการเสื่อมโทรมตามวัย เช่น ข้ออักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
เชื่อว่าไม่มีใครอยากประสบกับภาวะเหล่านี้ โดยเฉพาะบุคคลในวัยทำงาน ซึ่งเป็นผู้หารายได้หลักและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของครอบครัว เราอาจป้องกันความเสี่ยงเบื้องต้นได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกาย ควบคุมอาหารการกิน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่อาจไม่สามารถปิดความเสี่ยงที่มีทั้งหมดได้ เช่นเดียวกับการเจ็บป่วยทั่วไป แม้จะดูแลสุขภาพดีเพียงใด ก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงอาจเลือกโอนย้ายความเสี่ยงให้กับบริษัทประกัน โดยทำประกันให้ครอบคลุมกรณีทุพพลภาพไว้ด้วย
ในปัจจุบันประกันที่ให้ความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพสามารถแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
⦁ การยกเว้นเบี้ยประกันกรมธรรม์หลัก WP (Waiver Premium) กรณีที่ผู้เอาประกันมีภาวะทุพพลภาพทั้งหมดและตลอดกาลก่อนอายุ 60 ปี โดยผู้เอาประกันจะยังคงได้รับความคุ้มครองตามปกติจนกว่ากรมธรรม์จะสิ้นสุดตามกำหนด (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์) ซึ่งโดยส่วนใหญ่บริษัทประกันจะมีความคุ้มครองส่วนนี้ให้ฟรีแนบกับกรมธรรม์หลัก ข้อสังเกตคือ การยกเว้นเบี้ยประกันนี้ เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระในการจ่ายเบี้ยประกันหลักเท่านั้น แต่จะไม่ได้ครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาตัว หรือภาระทางการเงินในด้านอื่นๆ เมื่ออยู่ในภาวะทุพพลภาพถาวร
⦁ การจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินก้อน ตามจำนวนทุนประกันที่ทำไว้ อาจอยู่ในรูปแบบของประกันอุบัติเหตุซึ่งจะคุ้มครองภาวะทุพพลภาพจากสาเหตุอุบัติเหตุเท่านั้น หรือในรูปแบบของสัญญาโรคร้ายแรงซึ่งจะคุ้มครองภาวะทุพพลภาพจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บด้วย (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์) โดยหากมีการวางแผนสร้างความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเพียงพอไว้ตั้งแต่ต้น หากเกิดเหตุทุพพลภาพขึ้น ก็สามารถนำเงินผลประโยชน์ส่วนนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาตัว และช่วยแบ่งเบาภาระการเงินในด้านอื่นๆ ให้กับตนเองและครอบครัวได้
สำหรับท่านที่ยังไม่เคยวางแผนประกันชีวิตหรือสุขภาพมาก่อน อาจเริ่มจากการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ สำรวจสถานะทางการเงิน ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของตนเองและบุคคลในความดูแล โดยคำนึงถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจส่งผลกระทบทางการเงินที่รุนแรง อย่างเช่นกรณีทุพพลภาพประกอบด้วย แล้วจึงพิจารณาจัดสรรงบประมาณ เพื่อวางแผนโอนย้ายความเสี่ยง ด้วยการเลือกทำประกันให้เหมาะสมในขั้นตอนต่อไป
หรือหากท่านมีการวางแผนประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพไว้อยู่แล้ว อาจใช้โอกาสนี้ ในการทบทวนและสำรวจดูว่า ประกันที่มีอยู่เป็นแบบใด มีระยะเวลาความคุ้มครองกี่ปี ครอบคลุมความเสี่ยงในด้านใดบ้าง และควรมีการวางแผนด้านทุพพลภาพเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะหากพิจารณาดูแล้ว การที่บุคคลอยู่ในภาวะทุพพลภาพ จนไม่สามารถที่จะทำงานหารายได้ เลี้ยงดูตนเองหรือครอบครัวได้ดังเดิม อีกทั้งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ต้องมีบุคคลที่มาดูแล หรือมีค่าใช้จ่ายในการประคับประคองอาการไปตลอดชีวิต อาจเป็นภาระทางการเงินที่สูงกว่า การที่บุคคลจากไปก่อนวัยอันควรเสียด้วย
ดังนั้นแล้ว การวางแผนการเงินให้ครอบคลุมกรณีทุพพลภาพ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามซึ่งท่านสามารถปรึกษานักวางแผนการเงิน ที่จะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมให้กับท่านได้
โดย ปภาวี คู่ณรงค์นันทกุล นักวางแผนการเงิน CFP®
สมาคมนักวางแผนการเงินไทย