นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธตลาดเงินและตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดการเงินไม่สดใส ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 0.3% ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 3.5bps ไปที่ระดับ 1.82%พร้อมกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น 0.6% เนื่องจากตลาดกลับมากังวลกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
แต่ในสัปดาห์นี้ ประเด็นหลักที่ต้องติดตามจะย้ายกลับมาเป็นฝั่งตลาดทุน เนื่องจากเริ่มมีการรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มการเงิน ขณะเดียวกันก็มีการเซ็นสัญญาการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนรออยู่ในช่วงวันพุธที่ 15 และในวันศุกร์ที่ 17 ก็จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนพร้อมกันด้วย จึงอาจเห็นตลาดการเงินที่ผันผวนมากขึ้นกว่าช่วงต้นปี
ส่วนของตลาดเงิน สัปดาห์ก่อนดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงิน Emerging Markets แต่กลับแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักทั้งเยน ปอนด์ และยูโร น่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างมุมมองเชิงบวกด้านการค้า กับมุมมองเชิงลบจากความเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลาง สัปดาห์นี้จึงมีโอกาสที่จะเห็นความผันผวนของดออลาร์อยู่
ขณะที่ฝั่งเงินบาท แม้จะมีทิศทางแข็งค่าในช่วงท้ายสัปดาห์ แต่โดยรวมถือว่าอ่อนค่ากว่าสกุลเงินเพื่อนบ้าน ทั้งหมดเป็นผลมาจากการเข้าดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับในช่วงต้นปี สังเกตได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศสิ้นวันที่ 3 มกราคม2563 ที่เพิ่มขึ้น 4.5 พันล้านดอลลาร์มาที่ระดับ 2.27 แสนล้านดอลลาร์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ระยะสั้นจึงมีความเป็นไปได้น้อยที่เงินบาทจะแข็งค่าเร็ว