TIP ผนึก เอออน ช่วยจัดพอร์ตรับประกันภัยต่อ

16 ธ.ค. 2562 | 08:15 น.

เมื่อกล่าวถึงประเทศที่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติบ่อยและค่อนข้างถี่ คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติสูงสุดในทวีปเอเชียทั้งแผ่นดินไหวและพายุไต้ฝุ่น จากข้อมูลเฉลี่ย ญี่ปุ่นจะเจอพายุไต้ฝุ่นปีละ 3 ครั้ง และ 1 ใน 3 จะเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่สร้างความเสียหาย โดยเฉพาะธุรกิจประกันภัยที่รับหน้าที่รับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดยปี 2561 เกิดพายุไต้ฝุ่นเจบี สร้างความเสียหายต่อการประกันภัยมูลค่าถึง 960 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดไต้ฝุ่นฮากิบิสคาดว่า จะมีมูลค่าความเสียหายราว 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯใกล้เคียงกับมูลค่าความเสียหายในปีก่อน

นายพันชิด เอครพานิช หัวหน้าทีมแผนกประกันภัยต่อบริษัท เอออน (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า คนญี่ปุ่นซื้อประกันภัยพิเศษ 70% และประกันอัคคีภัยสูงประมาณ 80% ส่งผลให้อุตสาหกรรมประกันภัยในญี่ปุ่นใหญ่เทียบ 50 เท่าของไทย ซึ่งหน่วยงานกำกับธุรกิจประกันในญี่ปุ่น กำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องมีเงินทุน(Capital) 5 ล้านล้านเยนและจากฐานเงินทุนที่จะต้องเป็น Return Period สามารถรองรับการคาดการณ์ในอีก 20 ปีข้างหน้า 

TIP ผนึก เอออน ช่วยจัดพอร์ตรับประกันภัยต่อ

ขณะที่การบริหารจัดการมีหลายรูปแบบ เช่น ภัยแผ่นดินไหว กำหนดให้บริษัทประกันมีความสามารถรองรับได้ถึง 150 ปีหรือภัยจากลมพายุ 70 ปีของเบี้ยประกัน ซึ่งกรณีบริษัทที่ฐานเงินทุนมีไม่ถึงหรือไม่เพียงพอ บริษัทนั้นต้องหันไปรับประกันเฉพาะบุคคลเท่านั้น หรือกรณีบริษัทต้องการเพิ่มศักยภาพ(Capacity) รองรับงานประกันภัย สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเพิ่มทุน ส่งประกันภัยต่อ หรือลดความเสี่ยงในการรับประกันในพื้นที่ภัยพิบัติ 

 

“ความมั่นคงของบริษัทประกันภัยของญี่ปุ่นแข็งแรงมาก และด้วยขนาดของเงินทุนที่เพียงพอและมากกว่าไทยถึง 50 เท่า แต่ด้วยภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยมากและมีผลต่อธุรกิจประกันภัยมาก และแนวโน้มความเสียหายยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างแผ่นดินไหว ญี่ปุ่นประสบความเสียหายจากไต้ฝุ่นโทโฮคุในปี 2554 มากถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแผ่นดินไหวคุมาโมโต ในปี 2559 สร้างความเสียหายถึง 506 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งความเสียหายนี้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน พื้นที่เศรษฐกิจและโทรคมนาคมของประเทศ เช่น สนามบินคันไซและรถไฟชินคันเซน ที่ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย”

ส่วนการบริหารจัดการความเสี่ยงและนวัตกรรมการบริการจัดการความเสี่ยงนั้น นายโอริโอล กัลปาล เรบูล หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท เอออนรีอินชัวรันส์ โซลูชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด เล่าว่า ญี่ปุ่นสามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริษัทประกันภัยที่แม้จะประสบความเสียหายจากมหันตภัยใหญ่ๆบ่อยครั้ง แต่กลับสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างยอดเยี่ยมและธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเป็นผลจากกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ ทั้งการใช้นวัตกรรมด้านทำโมเดลลิ่ง เพื่อประเมินความเสี่ยงภัยธรรมชาติอย่างแม่นยำ การจัดการประกันภัยต่อที่เหมาะสม และการบริหารจัดการทุน 

TIP ผนึก เอออน ช่วยจัดพอร์ตรับประกันภัยต่อ

ทั้งนี้เทคโนโลยีที่ใช้ในการประเมินความเสียหาย หรือ Catastrophe Model โปรแกรมต่างๆ ได้แก่ RMS, AIR, CoreLogic และ Aon ImpactForecasting ที่มีมากว่า 24 ปี และบริษัทประกันภัยต่างๆในญี่ปุ่นได้เก็บข้อมูลที่อยู่ของผู้รับประกันภัยแต่ละรายอย่างละเอียดถึงระดับละติจูด ลองติิจูด ปีที่ก่อสร้าง จำนวนชั้นของอาคาร และใช้โปรแกรมเหล่านี้ ประเมินความเสี่ยงที่เหมาะสมกับการกระจายตัวทางความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่การรับประกันภัย เมื่อ
ประเมินความเสี่ยงต่อภัยต่างๆได้แม่นยำแล้ว บริษัทประกันภัยจะวางกลยุทธ์ในการจัดโครงสร้างโปรแกรมการประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอร์)ไปยังต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสียหายอย่างรุนแรงในอนาคต โดยการกระจายความเสี่ยงนั้น ในญี่ปุ่นภาครัฐจะกำหนดให้แต่ละบริษัทซื้อประกันภัยต่อขั้นต่ำที่ค่าความเสียหาย 1 ใน 200 ปี คุ้มครองถึงอัตราความเสียหายได้ถึง 99.5%

สำหรับประเทศไทยบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน)ได้เริ่มใช้นวัตกรรมบริหารความเสี่ยงด้านมหันตภัยหรือ Catastrophe Model แบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นใช้แล้ว โดยประเมินความเสี่ยงภัยนํ้าท่วมจากโปรแกรม Aon Impact Forecasting และแผ่นดินไหวจากโปรแกรม AIR สื่อให้เห็นว่า บมจ.ทิพยประกันภัย เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงภัยธรรมชาติอย่างแท้จริง 

หน้า 19 -20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 3,531 วันที่ 15 - 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562