เน้นเก็งกำไรระยะสั้น

15 ส.ค. 2562 | 11:09 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

สภาวะตลาดทองคำวันที่ 15 สิงหาคม ราคาแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,507.70-1,524.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,100 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,950 บาทต่อบาททองคำ

               แนวโน้มวันที่ 16 สิงหาคม 2019

               เกิดความกังวลมากขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เมื่อตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกำลังเกิดภาวะ inverted yield curve หรือ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพลิกกลับ ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นเหนือกว่าผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีของสหรัฐแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ที่ 1.98% และร่วงลง 0.27% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2012  โดยค่าสเปรดระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีและ 10 ปีที่พลิกกลับ เป็นสัญญาณเตือนว่า โดยเฉลี่ยราว 22 เดือนหลังจากเกิดภาวะดังกล่าว จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมา

เน้นเก็งกำไรระยะสั้น

               ความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย.นี้  ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาว ซึ่งระบุว่า การพลิกกลับของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอีกสัญญาณว่าเฟด จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไว้ ในขณะที่นักลงทุนถอนตัวจากหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไม่มาก เนื่องจากสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ เช่น สกุลเงินเยน  สกุลเงิน ฟรังก์สวิส และ พันธบัตร ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน  

นอกจากนั้นความกังวลว่า แรงซื้อทองคำจากจีนอาจชะลอตัวลง เมื่อแหล่งข่าวระบุว่า จีนจำกัดการนำเข้าทองคำอย่างเข้มงวด นับตั้งแต่เดือนพ.ค. ภายใต้ความเคลื่อนไหวที่อาจพุ่งเป้าไปยังการควบคุมการไหลออกของดอลลาร์และหนุนค่าเงินหยวน ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก โดยข้อมูลจากกรมศุลกากรจีนระบุว่า จีนเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยนำเข้าทองประมาณ 1,500 ตัน ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้การนำเข้าทองคำของจีนลดลง  300-500 ตันเทียบกับปีที่ผ่านมา  โดยตัวเลขของกรมศุลกากรจีนแสดงว่า จีนนำเข้าทองคำเพียง 575 ตันในครึ่งปีแรกของปี 2019 ลดลงจาก 883 ตันในช่วงเดียวกันของปี 2018

เน้นเก็งกำไรระยะสั้น

               ทั้งนี้ หากราคาทองคำหากมีการเคลื่อนตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถทะลุไปได้ ต้องระมัดระวังแรงกดดัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอ่อนตัวของราคาทองคำได้อีก สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานี้ ต้องเน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้น ในขณะที่หากต้องการเข้าซื้อทองคำ ให้รอจังหวะการอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,509-1,498 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,509 หรือ 1,498 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,524 หรือ 1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรเพียงบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่า ราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำโดยรับความเสี่ยงได้น้อยอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,500-1,498 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนในระยะสั้นหากราคาการย่อตัวลงมาและสามารถตั้งฐานบริเวณแนวรับดังกล่าวได้แข็งแกร่งสามารถเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติมบางส่วน

เน้นเก็งกำไรระยะสั้น