สัมภาษณ์
หลังจากที่บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ได้เพิ่มทุนจาก 270 ล้านหุ้น เป็น 401.51 ล้านหุ้นพร้อมกับการออกวอร์แรนต์ ได้ช่วยปลดข้อจำกัดทางการเงิน ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ติดเพดานกู้ยืมที่ 2.3 เท่าลดลงมาเหลือเพียง 1.5 เท่าในไตรมาส 2/2562 ซึ่งไม่เพียงจะเพิ่มเงินสดเข้ามาถึง 643 ล้านบาท ยังช่วยขยายฐานทุน ล่าสุดจากการออกหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา รองรับการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลัง
ฐานทุนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยต่อยอดธุรกิจ ทำให้ SINGER จากนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้งอย่างไร นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าทิศทางครึ่งปีหลังบริษัทจะโฟกัสสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (Car 4 Cash:C4C) โดยหลังชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบเทอม 500 ล้านบาท วงเงินที่เหลือ 1,000 ล้านบาทจะปล่อยสินเชื่อ C4C คาดสิ้นปีพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะขยับเป็น 2,200 ล้านบาท จาก ณ ไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 1,259 ล้านบาท และขยับขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาทในปี 2563 โตเฉลี่ยราวปีละ 25%
“พอร์ตสินเชื่อ C4C ปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 ล้านบาทมี 15 สาขา ในอนาคตจะขยายสาขาและทีมขายเพิ่ม แผนปีนี้จะเพิ่มอีก 3-5 สาขา กลุ่มเป้าหมายยังเน้นผู้ประกอบการ (นิติบุคคล)โดยใช้รถเป็นหลักทรัพย์คํ้าประกัน อาทิ รถบรรทุก รถขนส่ง และรถในเชิงพาณิชย์ ความเสี่ยงจึงตํ่าหนี้เสีย C4C มีสัดส่วนเพียง 0.8% เทียบกับหนี้เอ็นพีแอลของบริษัทในภาพรวมไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 12.4% ขณะที่ C4C ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยรับสูงต่อเนื่องตามระยะเวลาการผ่อน (สูงสุดไม่เกิน 5 ปี) โดยเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เติบโต 30% และยังได้รายได้จากค่าธรรมเนียมการทำสินเชื่อ การทำประกันตามมา”
กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์
ขณะที่ขาธุรกิจเช่าซื้อ (ยอดขายภายใต้แบรนด์ซิงเกอร์มากกว่า 80% เป็นการขายแบบเช่าซื้อ) บริษัทมีแฟรนไชส์กว่า 700 สาขา พนักงานขายร่วม 3,000 คน ครอบคลุม 450 อำเภอ แผนในปีนี้จะเพิ่มต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกจังหวัด ใน 900 อำเภอ หรือเพิ่มเท่าตัว และปี 2563 จะขยายสู่ระดับตำบล
“การขยายแฟรนไชส์จะโหมในครึ่งปีหลัง เพื่อจะให้เกิด Impact ไปถึงปีหน้าโดยจะให้เติมเต็มทุกอำเภอ เหมือนคอน วีเนียนสโตร์ เพื่อนำสินค้าซิงเกอร์เข้ายังพื้นที่ให้ได้เร็วขึ้น เพิ่มความสะดวกในการขายและทำให้ง่ายต่อการติดตามลูกค้า เป้าหมายเราก็เพื่อสร้างแบรนด์ซิงเกอร์ให้เติบโต เพราะหากเข้าถึงระดับตำบลได้ก็ไม่ต่างกับร้านสะดวกซื้อ แต่ซิงเกอร์พิเศษกว่าคือมีสินค้าที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า บริการเงินผ่อน และบริการอื่นๆ ที่จะพ่วงตามมาในอนาคต อาทิ สินค้าที่เป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์ ผลิตภัณฑ์ประกัน”
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 4,400-4,500 ล้านบาท หรือเติบโตราว 30% รายได้คาดโตปีละ 10-15% โดยสัดส่วนสินเชื่อ 50% เป็นเช่าซื้อ ที่เหลืออีก 50% เป็นสินเชื่อมีหลักประกัน C4C และสินเชื่อเครื่องจักร ภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนสินเชื่อ C4C จะเพิ่มเป็น 60% และในระยะ 3 ปีจะเพิ่มเป็น 75-80%
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ยธุรกิจเช่าซื้อ 24% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะประมาณ 15% แต่คาดว่าด้วยกติกาใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดอกเบี้ยในส่วนนี้อาจปรับไปถึง 18-19% ได้ โดยตั้งเป้าสินเชื่อ C4C ขยายเพิ่มปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าหากฐานธุรกิจ C4C ขยายจะหนุนรายได้ดอกเบี้ยรับบริษัทเติบโตไม่น้อยกว่า 30% ทำให้กำไรบริษัทเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและแน่นอน ผลประกอบการไตรมาส 1/2562 ซิงเกอร์มีกำไรราว 40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง 4 ไตรมาสนับจากไตรมาส 2/2561 ผ่านจุดตํ่าสุดในปี 2561 ที่ขาดทุนถึง 81 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดแนวโน้มกำไรของ SINGERไตรมาส 2/2562 จะเร่งตัวทั้งเทียบ QoQ และ YoY (ไม่รวมการตั้งสำรวจพนักงานพิเศษ 15 ล้านบาท) มาจากธุรกิจเช่าซื้อที่มีรายได้เติบโตเด่น QoQ เข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ก่อนที่สินเชื่อ C4C จะกลับมาขยายตัวในครึ่งปีหลัง โดยประเมินกำไรบริษัทปี 2562 ที่ 167 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.40 บาท โดยราคาปิด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม อยู่ที่ 9.40 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3490 วันที่ 25-27 กรกฎาคม 2562