เปิดมุมมอง ‘หยง Trader’ รับมือตลาดหุ้นปี62

02 ม.ค. 2562 | 01:09 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

สัมภาษณ์
ตลาดหุ้นไทยในปี 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยขึ้นไปสูงสุดถึง 1850 แล้วก็แกว่งตัวลง ปลายปีหลุดลงไปตํ่ากว่า 1600 จุด ทำให้ผลตอบแทนตลาดปีนี้ติดลบ “ฐานเศรษฐกิจ” เปิดมุมมองของนายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ หรือ “หยง Freedom Trader” เขาคือเทรดเดอร์ระดับอินเตอร์ที่เทรดในทรัพย์สินหลายประเภท ทั้งตลาดหุ้น TFEX  Commodity ทองคำ และ Forex เป็น Fulltime Trader เทรดหุ้นเป็นอาชีพหลัก และพัฒนากลยุทธ์ มุมมอง และแนวคิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประสบผลสำเร็จจากการลงทุนสูงสุด

“ผมเป็นคนที่วิ่งหา Return ทรัพย์สินไหนทำกำไรได้ ผมจะอยู่ที่นั่น ไม่เน้นลงทุนในอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่จำกัดขอบเขตตัวเอง ไม่ปิดโอกาสตัวเอง พยายามทำให้พอร์ตมีความยืดหยุ่น มีสภาพคล่องให้เพียงพอเมื่อมีโอกาสเข้ามา”

[caption id="attachment_367503" align="aligncenter" width="317"] ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ ธำรงชัย เอกอมรวงศ์[/caption]

พอร์ตลงทุนของนายธำรงชัยมีขนาดประมาณ 200 ล้านบาท ปัจจุบันลงทุนในตลาดหุ้น 40% ในตลาด Forex ประมาณ 40% นอกจากนี้ก็มีลงทุนในหุ้นนอกตลาด เขาบอกว่าในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนในตลาด Forex ค่อนข้างดี แต่ในตลาดหุ้นยังไม่ดีเพราะตลาดลดลง เขาจึงเน้นการทำกำไรจากการเทรดเป็นส่วนใหญ่

สำหรับคำแนะนำต่อนักลงทุนเพื่อเตรียมรับมือกับตลาดหุ้นในปี 2562 นายธำรงชัยมองว่าตลาดหุ้นในปีหน้าคงจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ แต่ทำนายดัชนีไม่ได้มีตัวแปรมากเกินไป ความไม่แน่นอนมีมากเกินไป นักลงทุนต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ ต้องมีทางเลือกหลายๆ ทาง อย่าปิดโอกาสตัวเอง อย่าเชื่ออะไรเต็มร้อย อย่าซื้อหุ้นจนเงินหมดพอร์ต ต้องมีสภาพคล่องให้มากพออยู่ตลอดเวลา

นายธำรงชัย แนะนำกลยุทธ์การสร้างพอร์ตให้เติบโตในระยะยาวว่า นักลงทุนต้องดูว่าตนเองยอมรับการขาดทุนได้มากน้อยเท่าไร เช่น พอร์ต 1 ล้านบาท ยอมรับขาดทุนได้เท่าไร ต้องรู้จักตัวเองก่อน หลังจากนั้นให้แบ่งเงินเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อน อาจจะแบ่งเป็น
20-30 ก้อน หรือ 50-60 ก้อน แล้วแต่ขนาดของพอร์ต

หลังจากนั้นก็เลือกหาหุ้น เงื่อนไขในการเลือกหุ้น คือ ต้องมีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรต้องเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส อาจมีกำไรที่ลดลงบ้าง แต่จะต้องลดลงไม่เกิน 1 ไตรมาส ถ้ากำไรลดลง 2 ไตรมาสติดกันก็ถือว่าต้องระมัดระวัง

เมื่อเลือกหุ้นได้แล้วก็หาจังหวะเข้าซื้อ จากเครื่องมือต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค ในช่วงที่ตลาดพักฐานเป็นช่วงที่เหมาะจะเข้าซื้อหุ้น ซื้อหุ้นด้วยเงินก้อนเล็กๆ ก่อน หลังจากนั้นก็ติดตามข้อมูล ติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นนั้นๆ ถ้าราคาไม่ไปไหนก็ถือและติดตามดูไปก่อน ถ้าราคาหุ้นขึ้นก็ซื้อเพิ่ม แต่ถ้าราคาลดลงหรือปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน ก็ขายหุ้นออกไป ถือเงินสดสภาพคล่องไว้

ส่วนราคาหุ้นต้องขึ้นไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วจึงซื้อเพิ่ม หรือลงไปเท่าไรถึงตัดขาดทุน ก็ต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละรายเพราะมีมุมมองความคิด และ การยอมรับความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

“หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างพอร์ตในระยะยาว เพราะต้นทุนของการลงทุนในหุ้นคือเงินเฟ้อ ถ้าเลือกหุ้นที่ดี มีเงินปันผลที่ชนะเงินเฟ้อ ก็ถือลงทุนได้ยาวๆ เพราะนอกจากเงินปันผลที่ได้ก็ยังมีโอกาสกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นอีกด้วย”

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,432 วันที่ 3-5 มกราคม 2561

595959859