ต้นทุนการผลิตทองคำของเหมืองทองคำถือว่าเป็นต้นทุนส่วนที่ส่งผ่านเข้าสู่ราคาทองคำโดยตรง ดังนั้นต้นทุนดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการประเมินราคาขั้นตํ่าที่เป็นไปได้ของทองคำ โดยในที่นี้จะขอกล่าวถึงต้นทุนแบบ All-in Sustaining Cost (AISC) ที่เริ่มนำมาใช้ในปี 2012 ซึ่งต้นทุน AISC จะประกอบไปด้วยต้นทุน Cash Cost, ต้นทุนสำนักงาน ต้นทุนธุรการ, รวมถึงค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการสำรวจ ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นทุนที่สะท้อนทุกค่าใช้จ่ายของการผลิตทองคำ
จากข้อมูลของสภาทองคำโลกบ่งชี้ว่าในปี 2017 การผลิตทองคำทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 105 ล้านออนซ์ ขณะที่ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมโดย IntelligenceMine ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ MINING.com พบว่าปริมาณการผลิตทองคำจากเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุด 10 เหมือง ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนและไม่ได้เป็นเจ้าของโดยรัฐในปี 2017 อยู่ที่ระดับ 29.43 ล้านออนซ์ ซึ่งลดลง 0.1% หรือลดลงจากระดับ29.46 ล้านออนซ์ในปี 2016 โดยมีสัดส่วนเกือบ 30% ของปริมาณการผลิตทองคำทั่วโลก
10 อันดับแรกของผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำบริษัทมหาชนและไม่ได้เป็นเจ้าของโดยรัฐส่วนใหญ่ยังมีเสถียรภาพจากปีก่อนๆ แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้อันดับดังกล่าวอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง โดย Barrick Gold ยังคงเป็นบริษัทเหมืองทองคำอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม Barrick Gold อาจสูญเสียสถานะผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ในปี 2018 นี้เนื่องจากปริมาณการผลิตห่างจาก Newmont ที่ครองอันดับ 2 เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในเหมือง Kinross Gold ที่เพิ่งแซงหน้า Goldcorp ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ด้าน Polyus ประสบความสำเร็จในการแซงหน้า Gold Fields ของแอฟริกาใต้ในปีที่ผ่านมาเช่นกัน ขณะเดียวกัน Polyus ของรัสเซียยังตั้งเป้าหมายที่จะไต่อันดับขึ้นในปีต่อ ๆ ไปหลังจากเหมือง Natalka mine ซึ่งเริ่มต้นการผลิตเมื่อปีที่ผ่านมาจะช่วยทำให้ปริมาณการผลิตโดยรวมของ Polyus เพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 3 ล้านออนซ์ ทางด้าน Freeport McMoran ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 10 เป็นครั้งแรกแทนที่ Sibanye Stillwater
บริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ 10 อันดับแรกมีต้นทุน AISC ต่อออนซ์ของการผลิตในปี 2017 อยู่ระหว่าง 621-1,009 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ด้านต้นทุน AISC โดยเฉลี่ยของบริษัทเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกในปี 2017 อยู่ที่ 853.22 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จะเห็นได้ว่าลดลงจากระดับ 856 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ในปี 2016 ขณะที่คาดการณ์กันว่าปริมาณการผลิตทั่วโลกในปี 2018 อาจลดลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากปัญหาการค้นพบที่น้อยลง, เกรดหรือคุณภาพที่ตํ่าลง, ความยุ่งยากทางเศรษฐศาสตร์และกฎระเบียบในหลายประเทศ ซึ่งหากปริมาณอุปทานลดลงจริงตามคาดก็จะเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำมีเสถียรภาพมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,346 วันที่ 8 - 10 มีนาคม พ.ศ. 2561