‘ซีฟโก้’ทุบสถิติใหม่ งานไหลบ่าหนุนแบ็กล็อก 1,900 ล้าน ราคาหุ้น15บาท

29 มิ.ย. 2560 | 08:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ซีฟโก้ ผู้นำธุรกิจเสาเข็มใหญ่ แย้มมีโอกาสได้งานรัฐ-เอกชนจำนวนมาก รอโครงการรถไฟฟ้า 2 สี โครงสร้างพื้นฐานจากระเบียงตะวันออก

นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2560 บริษัทได้งานใหม่มูลค่า 472 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกรับงานทั้งสิ้น 1,255 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (แบ็ก ล็อก) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 1,900 ล้านบาท แนวโน้มจะยังคงมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน

ปัจจุบันธุรกิจเสาเข็มมี 2 รูปแบบคือ งานเสาเข็มตอก และงานเสาเข็มใหญ่ที่มีผู้ประกอบการจำนวน 20 ราย โดยบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในงานเสาเข็มใหญ่ และประสบการณ์ในการทำงานมานานกว่า 42 ปี ผู้รับเหมามักจะเลือกบริษัทซีฟโก้ฯในการทำงานของเอกชน ในกรณีที่เสนอราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งขัน ส่วนงานราชการก็จะพิจารณาจากการเสนอราคาตํ่าที่สุด

[caption id="attachment_170929" align="aligncenter" width="422"] ‘ซีฟโก้’ทุบสถิติใหม่ งานไหลบ่าหนุนแบ็กล็อก 1,900 ล้าน ราคาหุ้น15บาท ‘ซีฟโก้’ทุบสถิติใหม่ งานไหลบ่าหนุนแบ็กล็อก 1,900 ล้าน ราคาหุ้น15บาท[/caption]

“ซีฟโก้ทำธุรกิจต้นนํ้า งานเสาเข็มใหญ่ยังคงเติบโต ไม่เหมือนบางธุรกิจที่ไม่ดี ผลงานในรอบ 42 ปีที่ผ่านมาเราโตมาจากงานเอกชน ส่วนงานของรัฐจะเข้ามาเป็นช่วงๆ วันนี้ งานรัฐมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอีกมากมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มารองรับ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า 2 สีที่เพิ่งออกมา สายสีชมพู และสายสีเหลือง คาดว่ามูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีตึกสูงมากที่สุด มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมามาก รวมถึงห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เวลาจะเปิดประมูลเขามักจะเรียกเจ้าเก่า เจ้าใหญ่เข้าประมูลทุกครั้งไป ทำให้บริษัทมีโอกาสได้งานใหม่ๆ ตลอดเวลา” นายณรงค์กล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในการประมูลงานแต่ละครั้ง จะต้องวางหลักประกันในการทำงานให้แล้วเสร็จ ซีฟโก้ ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารทุกแห่ง ในต้นทุนดอกเบี้ยตํ่า แตกต่างจากหลายบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น(มารจิน)เฉลี่ย 16% และอัตรากำไรสุทธิเกือบ 10% ในปีที่ผ่านมา ส่วนในไตรมาส 1/2560 ยังคงรักษาระดับใกล้เคียงกันได้เช่นเดิม

app-Picture-053 นอกจากนั้นบริษัทมีนโยบายรายงานข้อมูลการได้งานใหม่เป็นรายเดือนต่อตลาดหลัก ทรัพย์ฯ กรณีเดือนนั้นได้งานใหม่ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบความเคลื่อนไหวของบริษัทงานแต่ละงานไม่ได้ใช้เวลาทำนาน 2-3 เดือนก็เสร็จ บางงานมูลค่า 20-30 ล้านบาท บริษัทจะรับรู้รายได้เมื่อทยอยส่งงานส่งใบเสร็จไปเก็บเงิน ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับขึ้นมาถึง 15 บาทในรอบนี้ ถือเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ธนชาตฯ แนะนำให้ซื้อหุ้น SEAFCO และหุ้นรับเหมาก่อสร้างบางตัว เช่น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เนื่องจากได้รับผลดีจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนา EEC โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ กำลังพิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-นครราชสีมา มูลค่า 1.79 แสนล้านบาท ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหรือครม.ต้นเดือน กรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2560 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อยสัดส่วน 69.69% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,274
วันที่ 29 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560