น้ำมัน-ผักสดราคาแพง ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14%

05 ก.ย. 2565 | 04:54 น.

น้ำมัน-ผักสดราคาแพง  ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14% สนค.มองว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและจากนี้จะค่อยๆทยอยปรับตัวลดลง  ส่วรเงินเฟ้อเดือนก.ค.สูงขึ้นเล็กน้อยที่ 7.86%

นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อ ประจำเดือนสิงหาคม 2565 พบว่า อัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวสูงขึ้น7.86% โดยเป็นการขยายตัวที่ใกล้เคียงกับช่วงเดือนก่อนหน้า ซึ่งทางสนค.มองว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและจากนี้จะค่อยๆทยอยปรับตัวลดลง

น้ำมัน-ผักสดราคาแพง  ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14%

โดยปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนสิงหาคมขยายตัว 7.86% มาจากราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันที่ดีเซลยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นต้นทุนในส่วนของค่าขนส่ง ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นกันเป็นต้นทุนของการผลิตสินค้า

น้ำมัน-ผักสดราคาแพง  ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14%

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ ไข่ไก่ และผักสดต่างๆ ที่มีการปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตเสียหายจากฝนตกและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อราคาผักในตลาดให้ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น

น้ำมัน-ผักสดราคาแพง  ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14%

และสำหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว6.14% ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ต่ำกว่าจากหลายหน่วยงานประเมิน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการในการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ และการค่อยๆทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทำให้ราคาสินค้าไม่ก้าวกระโดด

อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาสินค้าและบริการจากนี้ไปจะเริ่มทรงตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายลดภาระค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ที่ร่วมกับภาคเอกชน ในการบริหารจัดการราคาสินค้าและบริการภายใต้ “วิน-วิน โมเดล” เมื่อพิจารณาเงินเฟ้อของไทยเทียบกับต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อของไทย อยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยสูงเป็นอันดับที่ 85 จาก 127 ประเทศที่มีการประกาศตัวเลข (ข้อมูลจาก TradingEconomics ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2565) ยังดีกว่าหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร (ก.ค. 65 ร้อยละ 10.1) บราซิล (ก.ค. 65 ร้อยละ 10.07) และสเปน (ส.ค. 65 ร้อยละ 10.4)

น้ำมัน-ผักสดราคาแพง  ดันเงินเฟ้อ8เดือนพุ่ง6.14%

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องเพราะในช่วงปลายปีประเทศในกลุ่มเมืองหนาวจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น การส่งออกพลังงานของรัสเซียจะทำได้มากน้อยแค่ไหน สถานการณ์สงครามจะยังคงมีแรงกดดันต่อราคาพลังงานหรือไม่ ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องทำให้การนำเข้าพลังงานมีราคาสูงขึ้น ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศ