จับตาส่งออก พ.ย.68 พาณิชย์แถลงวันนี้ ลุ้นทั้งปีโต 11.4%

24 ธ.ค. 2568 | 23:15 น.

พาณิชย์ เตรียมแถลงตัวเลขค้าระหว่างประเทศ พ.ย. และ 11 เดือนปี 68 หลังส่งออก ต.ค. โตต่อเนื่อง คาดทั้งปีขยายตัวกว่า 10% แม้เสี่ยงบาทแข็ง

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์เตรียมแถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 ในวันนี้
  • ภาพรวมการส่งออก 10 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) ขยายตัวแล้ว 13% มีมูลค่ารวม 282,982.1 ล้านดอลลาร์
  • มีการคาดการณ์ว่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้าย จะส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2568 ขยายตัวได้ที่ 10.7-11.4%

วันนี้ ( 25 ธันวาคม 2568 ) รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ นาย นันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ สวนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เตรียมแถลงข่าว ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนพฤศจิกายน และ 11 เดือนของปี 2568 ในวันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ขณะที่ การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2568 มีมูลค่า 28,835.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ที่ 5.7 % หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 15.7 % การนำเข้า มีมูลค่า 32,272.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.3 % ดุลการค้า ขาดดุล 3,436.9 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ การส่งออก 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 282,982.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% การนำเข้ามูลค่า 286,848.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.4% ขาดดุลการค้า 3,866.2 ล้านดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มการส่งออกช่วง 2 เดือนที่เหลือ (พ.ย.-ธ.ค.) คาดว่าการส่งออกของไทยจะมีมูลค่า 25,000-26,000 ล้านบาท ก็จะส่งผลให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้ 10.7-11.4 % หากขยายตัวได้ 10.7 % มีมูลค่า 332,982 ล้านดอลลาร์ แต่หากขยายตัว 11.7 % มูลค่า 334,982 ล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกในปี 69 คาดว่าจะชะลอตัวจากฐานปี 68 ที่สูง ภาษีสหรัฐ ปัญหาจีโอโพลิติกส์ แต่ยังเป็นบวก

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง

โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความต้องการในระดับสูง รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารที่ยังคงมีความต้องการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี และปริมาณสินค้าเกษตรของไทยที่อาจลดลงจากปัญหาอุทกภัย ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามต่อไป