KEY
POINTS
แนวคิด KAITEKI (ไคเทกิ) ของกลุ่มบริษัทมิตซูบิชิ เคมิคอล มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรโลก โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์และนวัตกรรมขั้นสูง
เพื่อตอบโจทย์ตลาดขนาดใหญ่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) อุปกรณ์ดิจิทัล บรรจุภัณฑ์อาหาร และเครื่องมือแพทย์ นับเป็นการนำเทคโนโลยีมาสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายโอนีล รีมีเดียส กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจพอลิเมอร์สมรรถนะสูง ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มิตซูบิชิ เคมิคอลฯ มีเป้าหมายผลักดันประเทศไทยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และเป็นศูนย์กลางการผลิตเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ (Compound Plastic) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบรับเทรนด์รักษ์โลกและการขยายตลาดสีเขียว
ในปี 2568 บริษัทได้เพิ่มอีก 1 สายการผลิตที่โรงงานจังหวัดชลบุรี จากเดิม 3 สายการผลิต ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องในต้นปี 2569 จะเพิ่มกำลังการผลิต 20-25%
“สายการผลิตใหม่นี้ 70% จะเน้นผลิตเม็ดพลาสติกนวัตกรรมขั้นสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เบาขึ้น ทนทานขึ้น ทนการขูดขีด และพัฒนาโดยทีมงานไทยร่วมกับญี่ปุ่น ได้แก่ non-lead PVC หรือเม็ดพลาสติกพีวีซีไร้สารตะกั่ว ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัล Innovation Award หรือนวัตกรรมแห่งปีของมิตซูบิชิ เคมิคอลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา”
เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ (เช่น สายนํ้าเกลือ) สายเคเบิล อุปกรณ์ดิจิทัล และบรรจุภัณฑ์อาหาร ปัจจุบันมิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ปมี KAITEKI Vision 35 มุ่งพัฒนานวัตกรรมป้อน 5 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม โทรคมนาคมขั้นสูง บรรจุภัณฑ์อาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“เรากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะแรงกดดันด้านต้นทุน และความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น”
นายโอนีลระบุว่า บริษัทเดินหน้านวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมตามเมกะเทรนด์โลก แม้ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น แต่เป็นทิศทางที่องค์กรให้ความสำคัญ โดยปรับสายการผลิตและการดำเนินงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยขยายโอกาสสู่ตลาดที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างอียูและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ไทยยังเป็นฐานผลิตหลักของกลุ่ม โดยโรงงานชลบุรีและระยองผลิตเพื่อทั้งตลาดในประเทศและส่งออกในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ พลาสติกคอมพาวด์ (PVC, FPO, TPE) และแผ่นฟิล์มสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยกลุ่มยานยนต์เป็นลูกค้าหลัก อีกทั้งผู้บริหารยังดูแลฐานผลิตในอีก 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน
ในปี 2568 บริษัทคาดผลประกอบการเติบโต 3-5% จากประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพสินค้า ส่วนบริษัทแม่ปี 2567 (สิ้นสุด ณ มี.ค. 2568) มีรายได้รวมกว่า 4.4 ล้านล้านเยน พร้อมลงทุนด้าน R&D ในไทย 3-4% ของยอดขาย และส่งพนักงานไปพัฒนาทักษะที่ญี่ปุ่นต่อเนื่อง นวัตกรรมที่ได้รับรางวัลปีนี้เป็นผลจากการร่วมวิจัยระหว่างทีม R&D ไทยและญี่ปุ่น และปี 2569 จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น
ผู้บริหารมิตซูบิชิ เคมิคอล (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ความยั่งยืน โดยลดการปล่อยคาร์บอนในทุกกระบวนการผลิต พร้อมแผนดำเนินงานภายในปี 2030 เช่น การใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น แอลเอ็นจี การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และการนำเทคโนโลยีใหม่มาลดการปล่อยคาร์บอน ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอน 29% เทียบปี 2019 และบรรลุ Net Zero ในปี 2050 นอกจากนี้ยังผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านเทคโนโลยีรีไซเคิลพลาสติก การใช้วัสดุชีวภาพ และความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม