KEY
POINTS
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ทันทีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเสร็จ เพื่อให้เร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานรัฐเพื่อให้การดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และปศุสัตว์เป็นไปโดยปกติ เนื่องจากในช่วงสิ้นปีนี้ประกาศนำเข้าวัตถุดิบกากถั่วเหลือง และเมล็ดถั่วเหลืองจะหมดอายุ
นายพรศิลป์ กล่าวต่อว่า สมาคมทราบดีว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล การดำเนินงานของรัฐจะหยุดชะงัก จึงได้มีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีทันที เพื่อเสนอให้มีการเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการระดับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณามาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายอาหาร คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
โดยในส่วนของ 2 คณะแรกได้มีการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วพร้อมเสนอมาตรการนำเข้า ข้าวโพด กากถั่วเหลือง และปลาป่น ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และอยู่ในขั้นตอนออกประกาศซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ที่กำกับดูแลการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองยังไม่มีการแต่งตั้ง
สมาคมจึงได้มีหนังสือเร่งรัดและติดตามผลเพิ่มเติมไปอีก 2 ฉบับ ถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งเป็นฝ่ายเลขาของคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช เมื่อวันที่ 11 และ 19 พฤศจิกายน 2568 ตามลำดับ
จนกระทั่งทราบว่าได้มีการบรรจุวาระพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเข้าสู่ ครม. เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาและทราบว่าขั้นตอนต่อไป กระทรวงเกษตรฯ จะต้องทำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีเลือกรองนายกที่เกี่ยวข้องมาเป็นประธานคณะกรรมการพืชน้ำมัน
สมาคมจึงได้มีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ซึ่งถือเป็นฉบับที่ 4 ที่เร่งรัดเรื่องนี้ โดยขอนายกเร่งรัดมอบหมายรองนายกที่เกี่ยวข้องเป็นประธานคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
พร้อมขอให้ประธานคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชลงนามยืนยันมติคณะกรรมการพืชน้ำมันเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เกี่ยวกับการเปิดตลาดสินค้าถั่วเหลือง เพื่อส่งบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ครม. ภายในคราวประชุมวันที่อังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 เพื่อให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีเวลาในการดำเนินการขั้นตอนต่อไป พร้อมพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการออกประกาศทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้ออกประกาศได้ทันทีหลังนโยบายดังกล่าวผ่านมติ ครม.
สมาคมได้ตรวจสอบกับสมาชิกแล้วพบว่า ในเดือนมกราคม 2569 จะมีการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ในปริมาณประมาณ 78,000 ตัน มูลค่าประมาณ 1,209 ล้านบาท โดยนำเข้าทั้งรูปแบบการขนส่งทางเรือและตู้คอนเทรนเนอร์ ประเมินผลกระทบหากประกาศนำเข้าออกไม่ทันจะเสียค่าใช้จ่ายในการรอคอย (Demurrage Charge) จำนวน 890,000 บาท/วัน
และหากกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองทันแต่กระทรวงการคลังออกประกาศผ่อนปรนภาษีไม่ทันผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีนำเข้า 20% ของมูลค่าสินค้าไปก่อนคิดเป็นเงินจำนวน 233 ล้านบาท กระทบสภาพคล่องของผู้ประกอบการนำเข้า และเกิดดอกเบี้ยที่จะต้องสำรองจ่ายภาษีนำเข้าอีกเดือนละ 1.16 ล้านบาทซึ่งกว่าจะดำเนินการขอคืนภาษีจากกรมศุลกากรจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน
นายพรศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้ประกอบการ ดังนั้นสมาคมจะขอเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนนี้กับรัฐบาลต่อไป"