KEY
POINTS
นายธีรชัย แสนแก้ว ประธานเครือข่ายการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันสถานะเครือข่าย กยท. หมดวาระลงแล้ว พร้อมกับประกาศชัดไม่รับตำแหน่งต่อในวาระที่ 4 พร้อมขยับบทบาทไปทำหน้าที่ในสภาแทน เพื่อผลักดันประเด็นด้านยางพาราในเชิงนโยบายอย่างเข้มข้นมากขึ้น ขณะที่ฝากข้อคิดลึกซึ้งถึงผู้นำรุ่นใหม่ เน้น “สามัคคี–ทำงานเป็นทีม–เดินหน้าร่วม กยท.” เพื่อสร้างพลังต่อรองที่แข็งแรงให้ชาวสวนยางทั่วประเทศ
“เครือข่าย กยท. มีพลังเหมือนฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ยังติดข้อจำกัดเชิงพื้นที่ เครือข่าย กยท. ถือเป็นกลไกสำคัญที่มีจุดแข็งโดดเด่น สามารถเสนอแนะ เช็คบัลลังก์ และ “ทุบโต๊ะ” ได้ไม่ต่างจากกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นเสียงแทนเกษตรกรสวนยางโดยตรงอย่างไรก็ตาม การทำงานร่วมกันของเครือข่ายแต่ละภาคยังมีความแตกต่างสูง เพราะขึ้นอยู่กับศักยภาพส่วนบุคคลของผู้นำจังหวัดและบริบทพื้นที่ ทำให้มาตรฐานการขับเคลื่อนยังไม่เท่ากัน
สำหรับหนึ่งในประเด็นใหญ่ที่ นายธีรชัย กล่าว ย้ำ คือความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุง พระราชบัญญัติการยางฯ ให้ทันสมัยขึ้น ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มอำนาจบริหารจัดการ และทำให้การพัฒนาภาคยางพารามีความคล่องตัวมากกว่าเดิม พร้อมย้ำว่า “กฎหมายต้องเอื้อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ไม่ใช่เป็นภาระ”
"ไม่เห็นด้วยกับระเบียบใหม่ของ กยท. ที่กำหนดให้ผู้สมัครตำแหน่งต้องเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ปี ชี้ว่าเป็นข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น และอาจกันคนมีความสามารถออกจากระบบ ผู้แทนเกษตรกรต้องเป็นชาวสวนยางจริง ไม่ใช่แค่สมาชิกตามระเบียบ เพราะบางคนที่หลุดเข้ามาเป็นตัวแทน บางคนก็แค่เช่าสวนยาง เป็นจุดอ่อนที่ทำให้คนไม่ใช่ชาวสวนยางเข้ามาหาผลประโยชน์"
อนึ่ง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดประชุมคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ โดยมีตัวแทนสถาบันเกษตรกรทั้ง 7 เขต ร่วมลงเสียงคัดเลือกตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมการระดับประเทศ ประกอบด้วย
จากนั้นคัดเลือกผู้แทนระดับเขตจากทั้ง 7 เขต ให้เหลือเขตละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 21 คน เพื่อมาลงคะแนนเสียง และลงมติเลือกประธานคณะกรรมการเครือข่ายฯ ระดับประเทศ เพื่อเร่งกำหนดนโยบายเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจส่งเสริมเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน ต่อไป