KEY
POINTS
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 พบว่าประเทศไทยยังคงมีสภาพอากาศเย็น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออกตอนบน ส่วนภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
กรมชลประทานระบุว่า สาเหตุเกิดจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ โดยปริมาณฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้แก่ เกาะสมุย 89.0 มิลลิเมตร(มม.), เกาะพะงัน 88.5 มม., และพะโต๊ะ จ.ชุมพร 74.5 มม.
กรมชลฯ คาดว่า ในช่วงวันที่ 15–21 พฤศจิกายน จะมีมวลอากาศเย็นแรงจากจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกระลอก ส่งผลให้ภาคเหนือและอีสานอุณหภูมิลดลง 2–7 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออกลดลง 1–3 องศาเซลเซียส พร้อมมีลมแรงและฝนฟ้าคะนอง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ข้อมูล ณ วันที่ 14 พ.ย. 2568 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลาง 483 แห่ง มีปริมาณน้ำรวม 69,389 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 91% ของความจุ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5,746 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำใช้การอยู่ที่ 45,440 ล้านลูกบาศก์เมตร (86%)
น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (ภูมิพล, สิริกิติ์, แควน้อยบำรุงแดน, ป่าสักชลสิทธิ์) รวม 24,590 ล้านลูกบาศก์เมตร (99% ของความจุ) สูงกว่าปีที่แล้ว 2,590 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การ 17,894 ล้านลูกบาศก์เมตร (98%) เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเกิน 102%
ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +17.43 ม.รทก. ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 (นครสวรรค์) 2,971 ลบ.ม./วินาที และสถานี C.13 (ท้ายเขื่อน) 2,900 ลบ.ม./วินาที
ข้อสังเกต: มีสถานีระดับน้ำล้นตลิ่ง 16 แห่งในลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มน้ำใกล้เคียง ขณะค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ปทุมธานี 0.09 กรัม/ลิตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ
กรมชลประทานยังคงติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนตกหนักเตรียมความพร้อม